Weekend in China | ชวนเพื่อนเที่ยวจีนครั้งแรก ‘กวางโจว-เซินเจิ้น’ เมืองอะไรเก๊เกร๋

“ประเทศจีนครั้งแรก”

เพราะมันครั้งแรกนี่แหละ เราเลยเลือกอะไรที่จีนสุดๆ ธรรมชาติไม่ต้อง น้องขอลิ้มรสความเป็นชาวเมือง ของเซินเจิ้นที่พูดกันติดหูติดปากเป็นยังไง ของจีนแดงแท้ๆเป็นยังไง ก๊อปเกรดเอ กับก๊อปมิลเล่อ เหมือนหรือต่างกันแค่ไหน ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าให้แบรนด์ดังๆ มากมาย รวมถึงของที่เราๆใช้กันอยู่ก็ made in china ทั้งนั้น ไม่ได้มีแค่นั้น จีนยังเป็นเมืองที่มีที่ให้เดินเล่นเยอะ มีมุมพักผ่อนแบบจีนๆ มีเมืองสไตล์ยุโรป ให้ไปถ่ายรูปเก๋ๆ ด้วย

ที่นี่เลยค่ะ “กวางโจว-เซินเจิ้น” ทริปนี้ ‘เก๊’ เกร๋อะแกร

เราใช้เวลาแค่วันหยุดเสาอาทิตย์ เพราะมีเวลาว่างแค่นั้น แต่ดันอยากเปิดโลกไง แรกๆก็แอบยี้อยู่เหมือนกัน เพราะเห็นวีรกรรมคนจีนในไทยมาเยอะ แต่ก็เพราะมีเพื่อนๆไปด้วยนี่แหละ จากยี้ๆ เราว่ามันน่าจะเปลี่ยนเป็นทริปที่สนุกแทน มั่วไปด้วยกัน หลงทางก็หลงไปด้วยกันนี่แหละวะ มันส์ดี

การเตรียมตัวก่อนไป

ตั๋วเครื่องบิน
แอร์เอเชีย บินตรงกวางโจว เซินเจิ้นทุกวันค่ะ เราจองไปลงกวางโจวก่อน แล้วขากลับ กลับจากเซินเจิ้น กรุงเทพ(ดอนเมือง) – กวางโจว
มี 1 รอบ 19.10 น. ถึงกวางโจว 23.10 น. (เวลาจีนเร็วกว่า 1 ชั่วโมง) รีบเลิกงานเร็วๆ แล้วบินไปเลย ไม่ต้องลางาน

ส่วนขากลับ บินจาก เซินเจิ้น – กรุงเทพ (ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง) มี 1 รอบ 23.20 น. ถึงไทย 1.15 น. แล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้าไปทำงานต่อ

หรือใครจะสลับบินไปลงเซินเจิ้น แล้วกลับจากกวางโจวก็ได้นะ จากกรุงเทพ 19.05 น. ถึงเซินเจิ้น 22.50 น. และ จากกวางโจว 23.55 น. ถึงไทย 1.55 น. เที่ยวอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าใช้วันหยุดเสาอาทิตย์ได้คุ้มมากๆ ส่วนราคา เที่ยวละประมาณ 2000-4500 บาท แล้วแต่โปรโมชั่นเลย จองล่วงหน้านานๆก็จะถูกหน่อย

http://www.airasia.com/th/

จองที่พัก
ด้วยความที่เราชอบบรรยากาศของโฮสเทล ชอบวัยรุ่น ชอบคุยกับคนอื่นๆ อีกทั้งที่โฮสเทลยังพูดภาษาอังกฤษได้ชัวๆ เหมือนมีที่พึ่งทางจิตใจในวัยเดียวกัน ถ้าเลือกโรงแรมราคาถูกก็กลัวจะสื่อสารกับเค้าไม่รู้เรื่องอีก จึงจองโฮสเทล Lazy Gaga เป็นห้องรวมหญิง 4 เตียง ห่างจากรถไฟใต้ดิน Ximenkou metro  แค่ 400 เมตร เดินทางสะดวก จองผ่าน Hostelworld.com เป็นโฮสเทลที่เรตติ้งดีสุดในกวางโจวละค่ะ
http://www.hostelworld.com/hosteldetails.php/Lazy-Gaga-Hostel/Guangzhou/77286


ทำวีซ่าประเทศจีน

อันนี้ง่ายๆค่ะ เพราะเราทำผ่านเอเจนซี่ 555 เนื่องจากทำงานประจำ ไม่มีเวลาไปยื่นเอง เลยต้องยอมเสียตังหน่อยอะเนอะ ก็แค่ส่งพาสปอร์ตจริง + รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป + ปริ๊นใบจองโรงแรม + ปริ๊นตํ่วเครื่องบิน และกรอกประวัติส่วนตัวในเอกสารที่เอเจนซี่ส่งให้ เอเจ้นจะส่งคนมารับเอกสารกับเรา สุดท้ายก็จ่ายตัง 2500 บาท จบค่ะ รอเอาวีซ่าเลย ถ้าแบบธรรมดาก็ 4 วันได้ แบบเร็วหน่อยก็ 2 วันได้ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อวีซ่าเสร็จเรียบร้อย เอเจ้นก็จะให้คนเอาพาสปอตมาส่งถึงที่ทำงานเลย ง่ายมั้ย
http://www.season.co.th/

โซเชี่ยลมีเดีย
พวกเราเป็นพวกติดโซเชียล จำเป็นต้องมีเนตติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อติดต่อคนที่บ้าน เปิดMAPเผื่อหลงทาง และเผื่อหลงกัน เราจึงเช่า Pocket wifi จาก Wifiplus สำหรับประเทศจีน ความเร็วเน๊ต 3G Data 10GB ต่อ Trip ราคาวันละ 280 บาท 2 วัน ร้านนี้มีพ๊อคเก็ตไวไฟอีกสำหรับหลายๆประเทศ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น เมกา อินเดีย อื่นๆ ความเร็วก็จะต่างกันไปแต่ละประเทศ มีทั้งแบบ 4G Unlimited ด้วย รับและคืน pocket wifi ได้ที่ชอปในสนามบินเลย สะดวกดี
http://pocketwifi.voltztore.com/th/pocketwifi.php

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ ประเทศจีนบล๊อก facebook / line / google ซึ่งถือเป็นแอ๊ปสำคัญประจำชาติเรา ก่อนไปจึงต้องโหลด Application VPN master ไว้สำหรับ unlock ทุกแอ๊ปที่ถูกบล๊อค ทำให้สามารถใช้เฟสบุค ไลน์บอกแม่ และกูเกิ้ลแมป ซึ่งเราเองก็มั่วมาเหมือนกัน ใครมีวิธีที่ดีกว่านี้มาแชร์กันบ้างนะคะ
https://itunes.apple.com/us/app/free-vpn-proxy-by-vpn-master/id1025707485?mt=8

เราโหลด wechat มาใช้สำหรับแชทกันในแก๊งที่มา เพราะมันเร็วกว่าแอ๊ปที่ถูก unblock มา โหลด Baidu ใช้เป็น Search engine แทน Google โหลดแผนที่ออฟไลน์ และปักหมุดสถานที่ที่จะไปที่แอ๊บ Mapsme https://itunes.apple.com/app/id510623322?_1lr=1 โหลดและปริ๊นแผนที่รถไฟฟ้าติดไว้ในมือถือ https://www.travelchinaguide.com/images/map/guangdong/guangzhou-subway.gif

ภาษาจีน
ไม่ว่าจะพูดภาษาอังกฤษเก่งแค่ไหน คุณจะได้รับภาษาจีนเป็นคำตอบกลับมาทุกครั้ง แต่ก็ยังดีที่ป้ายบอกทางในสถานีรถไฟ สนามบิน ตลาด มีภาษาอังกฤษบอกทางอยู่ ทำให้หาข้อมูลและเที่ยวเองได้ แนะนำให้โหลด APP ดิกชันนารีจีนไว้ด้วยค่ะ

GUANGZHOU 002 ณ สนามบินดอนเมือง

เย็นวันศุกร์ รีบเลิกงานอย่างไวว่อง เพราะเรานัดกับผองเพื่อนร่วมทริปทั้ง 3 คน ที่สนามบินดอนเมือง ตอน 5 โมงเย็น

ไปจีนครั้งแรกกับแอร์เอเชีย ไฟล์ท กรุงเทพ(DMK) – กวางโจว(CAN) รอบ 7.10 น. เข้ามาเช็คอินก่อน 2 ชั่วโมง ไปรับ pocket wifi ที่จองไว้จากร้าน WIFIPLUS แล้วก็ไปเดินเล่นดิวตี้ฟรีรอ

ระหว่างนั่งรอในเกต ใจนึงก็ยังนั่งคิดนะ ว่าคิดอะไรอยู่วะ ทำไมถึงต้องไปจีน แล้วในนี้ก็ไม่มีใครเคยไปจีนเลยซักคน ไม่มีใครพูดจีนได้ซักคน แล้วภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมา จนพูดคล่องปรื๋อก็เอามาใช้กับที่นี่ไม่ได้ T_T

จึงต้องวางแผนการเดินทางอย่างดี (มั้ง) เผื่อใครจะตาม ใช้แพลนเที่ยวนี้ก็ได้นะ 2 วันกำลังสวย ถามว่าเที่ยว 2 วันมันพอหรอ เราว่ามันก็แล้วแต่คนเที่ยวอะ บางคนบ้าช๊อปปิ้งก็ใช้เวลาไปกับการซื้อของนานหน่อย บางคนบ้าถ่ายรูปก็อาจจะใช้เวลากับแลนมาร์ค หรือตลาดนานหน่อย สำหรับเรา 2 วัน 2 คืนก็พอ เพราะไม่ต้องลางาน

ศุกร์
5.00 ไปถึงสนามบินดอนเมือง เข้า Check In ที่เค้าเตอร์ Air Asia
23.10 ถึงกวางโจว แล้วหา TAXI เข้าที่พัก (ประมาณ 115Y)

เสาร์
เช้า   เดินชมเกาะซาเหมี่ยน (Shamain Island) เกาะยุโรป
สาย  เดินชมโบสถ์แซกเครด-ฮาร์ท แลนด์มาร์คหนึ่งของกวางโจว
เที่ยง  ช๊อปปิ้งของงุงิ ที่ ONE LINK shopping mall
บ่าย  เดินเล่นย่าน เป่ยจิงลู่ (Beijing Road)
เย็น   ช๊อปปิ้งกระเป๋า ที่ Baiyun
ค่ำ  ถนนคนเดิน ซ่างเซี้ยจิ่วลู่ (Shangxiajiu Road)
ดึก  ปาร์ตี้ ที่ SOHO

อาทิตย์
เช้า      Canton Tower ตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีน อันดับ2ของโลก
สาย     นั่งรถไฟไปเซินเจิน
บ่าย     เดินเมืองศิลปะ Dafen Painting village
เย็น       เดิน Dongmen walking street
20.00   ไปสนามบิน
23.20    เดินทางกลับประเทศไทย

1.15      ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ

เราอาจจะเที่ยวไม่หมดตามที่เราแพลนไว้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก็เป็นไกด์ไลน์ให้คร่าวๆได้ เผื่ออยากมาเที่ยวรูทเดียวกับเราเนอะ

Ps. น้ำ GREEN LOVE บนเครื่องอร่อยมากๆ
เป็นน้ำแอ๊ปเปิ้ลเขียว+กี่วี่+สัปรด+มะม่วง+มะนาว ผสมแล้วมันลงตัว
ยิ่งได้กินตอนเย็นๆ เย็นจนเป็นเกร็ดน้ำแข็งยิ่งอร่อย

 

_____

GUANGZHOU 003 ณ สนามบินกวางโจว

หลังลงจากเครื่อง กรอกใบผ่าน ตม. เรียบร้อยปลอดภัยกันทุกคน ต่อมาเป็นภารกิจเดินทางไปที่พัก

สนามบินกวางโจวอยู่ไกลจากตัวเมืองประมาณ 35 กิโล มีวิธีเดินทางจากสนามบินด้วย แทกซี่ รถบัส และ รถไฟใต้ดิน รถไฟจะปิดให้บริการตั้งแต่ 5ทุ่ม ส่วนรถบัสไม่ผ่านที่พักเรา ถ้านั่งแล้วก็ต้องต่อแทกซี่อีก เลยเลือกแทกซี่ทีเดียว ยาวๆ ไปเลยค่ะ สะดวกกว่า แถมหารกัน 4 คนก็ไม่แพงมาก
พวกเราเดินตามป้าย Taxi ไปเรื่อยๆ ดีที่ป้ายมีภาษาอังกฤษกำกับไว้หมดเลย จนเห็นป้ายไปขึ้นแท็กซี่ที่ประตู A8 ก็ตรงดิ่งไปเลยค่ะ ระหว่างทางเดินไป ก็จะมีคนพุ่งเข้ามาหาเป็นระยะ เป็นแทกซี่เถื่อนกันทั้งนั้น ต้องระวัง อย่าสนใจ มันแพงมากๆ

เราต่อแถวซักพักก็ถึงคิว ยื่นกระดาษเปื่อยๆที่ปริ้นที่อยู่ ยื่นไปให้พี่แท็กดู พี่แท๊กโอเคร กดมิเตอร์ แล้วเริ่มเดินทางกันได้เลย
** จากที่อ่านมา เค้าบอกว่าให้ขึ้นแทกซี่ที่มีมิเตอร์จะปลอดภัยที่สุด เพราะนอกจากได้ราคาที่ถูกต้องแล้ว หากลืมของหรือมีปัญหาอะไรก็จะตามตัวถูก เค้าจะมีใบเสร็จให้ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ประมาณนึงว่าไม่ถูกหลอกแน่ๆ

______

GUANGZHOU 004 ที่พัก

พวกเรามาถึงที่พัก LAZY GAGA ประมาณ ตี 2 เหมือนจะดึกนะ แต่ภายในโฮสเทลนี่ครึกครื้นกันมาก เหมือนไม่ใช่ตี 2

รีเซฟชั่นที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง นี่แหละ คือเหตุผลที่เราเลือกโฮสเทลนี้ตลอด 2 คืน แถมยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินด้วย (Ximenkou Station)

โฮสเทลที่นี่จะไม่เหมือนที่อื่นๆที่เราเคยไป หลังจากเช็คอินจ่ายตังเรียบร้อยแล้ว เค้าจะแจกผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปลอกผ้าห่ม มาให้เราจัดการปูเองทั้งหมด

มันก็ดีตรงที่ เราเมคชัวว่า เตียงที่เรากำลังจะนอนมันถูกเปลี่ยนผ้าปูมาใหม่ๆเลยด้วยตัวเอง ถ้าเราไม่ได้เปลี่ยนเอง เราคงไม่รู้หรอกว่า
เตียงนี้มันอาจจะผ่านมนุษย์ตัวเหม็นคนอื่นมาหลายหัวแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้น เปลี่ยนเองนี่แหละ สะอาดชัว 555
หลังจากปูเตียงเสร็จ พวกเรามานั่งแพลนกันต่อสำหรับวันพรุ่งนี้ ว่าจะไปไหนกันบ้าง โดยเริ่มจากตู้นี้…

เรียกว่าตู้แห่งความสุขสดชื่ ที่ตั้งอยู่ภายในโฮสเทลนี่เอง และเบียร์ก็ราคาถูกมากกกกกก อย่างอันที่เราลอง ราคา 4 หยวน หรือประมาณ 20 บาทเท่านั้น คืออยากลองอะไรที่มันโลคอลๆ แล้วราคาไม่แพงไง  รสชาติไม่ต้องพูดถึง
.
.
.
.
จืดสนิท นึกว่ากินน้ำปล่าว

แต่ก็มาถึงบางอ้อ ว่า คนจีนบางคนเค้ากินเบียร์แทนน้ำกันนี่เอง เบียร์ก็เลยต้องมีรสเบาๆ จะได้ไม่เมาด้วย แถมราคาถูก อยากให้ลองชิมดู แพลนเสร็จก็เข้านอน เตรียมตัวลุยต่อพรุ่งนี้เช้า

______

GUANGZHOU 005 เช้าวันใหม่

เราตื่นกันแต่เช้าและเตรียมตัวเที่ยวจีนอย่างจริงจัง โดยเริ่มวันด้วยอาหารมื้อแรก

“โจ๊ก”

เป็นร้านโจ้กแถวๆโฮสเทลเลย ไม่ได้ทำรีเซิร์ชอะไรมาก่อนไง กะว่าเดินผ่านอะไรก็กินอันนั้นและโจ๊กมันก็เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับอาหารเช้าที่สุดละ ในร้านมันมีหม้อให้เลือกอยู่ 3 หม้อ ที่มีโจ้กลักษณะคล้ายๆ กัน อันจะถามว่าต่างกันยังไง ก็ถามไม่รู้เรื่องอีก เลยต้องสุ่มเอา

เมนูที่เราได้ คือ โจ๊กหมู+เกี๊ยวซ่า ราคา 9หยวน รสชาติค่อนข้างจืดไปหน่อย แต่ถ้าได้เติมซอสแมกกี้ลงไปคงจะอร่อยเลยแหละ

ส่วนของเพื่อนเรา เป็นโจ้กหวานๆ ไม่รู้ใส่อะไร คิดว่าเป็นข้าวโพด แอบชิมไปนิดนึง นิดเดียวจริงๆ เลยขอกลับไปกินโจ๊กหมูจืดชามตัวเองต่อไป แหะๆ

แล้วพวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายแรก…

จะไปเกาะซาเมี่ยน (shamian Island)

เราเลือกใช้ TAXI ค่ะ เพราะแชร์กัน 4 คนคุ้มกว่า แต่ถ้าจะนั่ง Metro ก็สามารถทำได้นะ ไปลงที่สถานี Culture Park Station

เราให้พี่รีเซฟชั่นโฮสเทลแนะนำ ทั้งสอนพูดจีนกับแทกซี่ด้วย สุดท้ายก็จำไม่ได้ จิ้มแผนที่อย่างเดียวเลยจ้าาาา มีความพูดมั่วแต่เค้าก็เข้าใจ ความพิเศษของแทกซี่จีนคือ เค้ามีระบบความปลอดภัยสูงมาก มีลูกกรงกั้นระหว่างคนขับและผู้โดยสาร
ณ เกาะซาเมี่ยน

พี่แท๊กมาส่งตรงกลางเกาะเลย เห็นถึงความต่างกับระแวกที่เราพัก ย่านที่พักเราเป็นเหมือนเมืองเก่า อารมณ์สามย่าน แต่แถวนี้ดูแพง ดูหรู ทั้งร้านค้า ทั้งร้านกาแฟ ทั้งคน ทั้งรถสปอต

จริงๆมันก็ไม่เชิงเกาะซะเท่าไหร่นะ เพราะมันถูกขั้นจากแผ่นดินแค่คลองขุดเอง ส่วนอีกด้านนึงก็เป็นแม่น้ำเพิร์ล บนเกาะมีอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก เพราะสมัยก่อนกวางโจวเป็นเมืองท่า (ตอนนี้ก็ยังเป็น) ที่มีชาวต่างชาติเข้ามาติดต่อซื้อขายมากมาย
จึงปล่อยพื้นที่บริเวณนี้ให้ชาวต่างชาติเช่าเพื่อทำการค้า โดยบนเกาะนี้แบ่งเป็นสองส่วน คือโซนอังกฤษ และโซนฝรั่งเศษ ทำให้ตึกอาคารได้รับอิทธิพลมาจากยุโรปเต็มๆ ในปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกวางโจว ไว้หลบหนีความวุ่นวาย มาหาความสงบและความร่มรื่นได้ที่นี่

พอมาเดินแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ประเทศจีนเลย ถ้าไม่เห็นป้ายภาษาจีน กับโคมแดง ก็จะนึกว่าเดินเล่นอยู่ฝรั่งเศษหละ 555
นอกจากเดินชมอาคารเก่าแล้ว ที่นี่โคตรจะร่มรื่น มีร่มเงาต้นไม้ใหญ่ และรูปปั้นน่ารักๆ ตั้งโชว์อยู่ทั่วทุกมุม เหมือนเอาไว้ให้เด็กๆมาถ่ายรูปเก็บแลนด์มาร์คให้ครบ

เมื่อเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ
จนถึงริมแม่น้ำเพิร์ล หรือแม่น้ำไข่มุก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักในกวางโจว
จะเจอจุดรวมตัวของแก๊งอาม่า อากง กำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน
ทั้งเล่นไพ่ รำดาบ รำไท้เก๊ก หรือเตะลูกขนไก่
เราว่าส่วนนี้ก็เป็นอีกส่วนนึงที่เรารู้สึกดี ที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้
มาประเทศจีนมันต้องอย่างนี้สิ วิถีบรรพบุรุษของเรา
วิวริมแม่น้ำ

_____

GUANGZHOU 006 SHISHI

หลังจากเดินเล่นบนเกาะซาเมียนเสร็จ เป้าหมายต่อไปคือไป โบสถ์แซกเครด-ฮาร์ท

จากซาเมียน เราเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดิน จากสถานี Cultural Park ไปลงสถานี Yidelu แล้วจะไปโผล่ตลาดอาหารแห้ง เดินต่ออีกนิดนึงก็จะเจอ ป้ายบอกทางไปโบสถ์เอง

โบสถ์แซกเครด-ฮาร์ท
(Sacret Heart Cathedral)

หรืออีกชื่อนึงคือ ShiShi Cathedral เป็นภาษาจีนแปลว่า Stone house หรือ บ้านหิน พวกเราแอบเรียกกันว่า Secret Heart เพราะมันอ่านง่ายกว่า มีความโดดเด่น เพราะเป็นอาคารคริสเตียนเพียงไม่กี่แห่งในกว่างโจว และใหญ่ที่สุดในจีนใต้ ทำจากแกรนิตทั้งหลัง มีความสวยงามมาก แถมพอได้เดินเข้ามาแล้ว ก็รู้สึกถึงความโรแมนติกอยู่เบาๆ ถึงแม้ระหว่างทางจะมีกลิ่นปลาแห้งอบอวนอยู่ก็ตาม เพราะบริเวณนั้นเป็นตลาดขายอาหารทะเลแห้ง และสมุนไพรแห้งทั้งหลายค่ะ หากอยากซื้อแปะก๊วยไปฝากคุณลุงคุณป้าที่บ้าน ก็ซื้อได้ที่นี่แหละ

ทุกสถานที่สำคัญๆ จะมีรถตำรวจป้อมๆสั้นๆแบบนี้
น่ารักมากก

เท่าที่สังเกตในระหว่างทาง ระแวกนี้คนส่วนใหญ่นิยมใช้จักรยานกันเยอะมาก แทบจะไม่เห้นมอเตอร์ไซด์ซักคัน เหมือนเป็นย่านเมืองเก่า ทางด้านการค้า

ก็เลยมีจักรยานส่งของเว่อชั่น แอ๊ดว๊านนนน คือของใหญ่กว่าตัวคนหลายเท่าเลย ที่ถ่ายมานี่ยังถือว่าเล็กๆ

GUANGZHOU 007 เดินเลยโบสถ์ไปอีกหน่อย ทางถนน Yide

จะเจอห้างขายของส่งประเภท stationary ชื่อดัง ชื่อว่า ONE LINK หรือ หว่านหลิง คล้ายๆสัมเพ็งแบบห้องแอร์

เป็นอีกจุดที่เราตั้งใจมาหา inspiration หาลู่ทางทำมาหากิน 5555 ที่ดีคือ ที่นี่เค้าพูดภาษาอังกฤษกันได้ ทำให้ต่อรองกันได้ แต่ไม่ได้เท่าคนจีน (มั้ง)

ในส่วนนี้เราเริ่มๆจะแยกกันเดินละ เพราะต่างคนต่างสนใจคนละอย่าง นี่แหละคือเหตุผลที่ต้องเช่า pocket wifi คนละเครื่อง
ที่นี่มันจะขายพวก ของกิ๊ฟช๊อปเล็กๆ แว่นตา ตุ๊กตา เครื่องเขียน ของแต่งบ้านไรงี้ ถ้าซื้อแค่ชิ้นเดียวก็จะราคาเท่าๆกับบ้านเราแหละ ต้องถามราคาซื้อเป็น 10 อันขึ้นไป ราคาถึงจะลดลงมาครึ่งนึงเลย

อย่างร้านกิ๊ฟชอปเครื่องเขียนน่ารักๆ ชั้นใต้ดิน ที่เราชอบสุด สามารถซื้อส่ง 20 ชิ้น คละแบบได้ ลดราคา 50% เลือกกันนานเลยจ้าาาา
รวมถึงขอคอนแทก เผื่อสั่งของจากนี่ แล้วให้เค้าส่งไปให้ที่ไทยด้วย เพราะมันถูกมากๆๆ

____

GUANGZHOU 008 เป็ดย่าง

อาหารมื้อกลางวันของวันนี้ เกิดจากการเดินผ่านร้านเป็ด และอยากกิน มันอยู่แถว onelink นี่แหละ สั่งด้วยการจิ้มรูปจากเมนูเลย ง่ายดี เป็ดอร่อยมากกกกก ฟินมากก ลืมโจ้กที่กินไปเมื่อเช้าได้เลย

GUANGZHOU 009 Beijing Lu

เป่ยจิงลู่ ถนนนี้ ได้ยินมาว่าเป็นสยามของกวางโจว คือผู้คน ร้านรวง แบรนด์เนมต่างๆ มีความวุ่นวายแบบวัยรุ่นสยาม เพียงแต่เรารู้สึกว่าที่นี่คนเยอะกว่า และมีหลายประเภทกว่า

GUANGZHOU 010 คนจีนชอบกินมะม่วงไทย

เรารู้สึกว่ามะม่วงไทยเป็นอะไรที่ฮอตฮิตของที่นี่มาก เพราะพอเห็นแถวยาวๆ จะรู้ได้เลยว่ามันร้านมะม่วง เช่นร้านนี้ถึงกับตั้งชื่อร้านด้วยภาษาไทยว่า

“ฉันยุ่งมาก”

เป็นประโยคบอกเล่า สู่ลูกค้าที่กำลังต่อคิวนานๆ โปรดเข้าใจแม่ค้าว่า ฉันยุ่งมากนะตัวเธอ รอพี่แป๊ปนึง เดี๋ยวพี่ทำให้ 55555 (เรามั่ว 555)
นอกจากฉันยุ่งมาก ก็มีอีกร้าน “บ้ามะม่วง” ชอบความครีเอทของชื่อร้านเวอร์ชั่นไทยจังเลย ชอบตั้งแต่ เกมส์แฮปปี้คนเลี้ยงหมู แล้ว 5555

GUANGZHOU 011 เวลายังเหลือ

เราแวะตลาดอีกซักที่นึง ที่นี่ขึ้นชื่อว่าขายกระเป๋าดี และมีคุณภาพ ก๊อปเหมือนที่สุด คือเป็นตึกที่ขายเครื่องหนัง และกระเป๋าทั้งตึกเลย GUANGZHOU BAIYUN WORLD LEATHER TREADING CENTRE

มีหลายเกรด หลายราคา ต้องดูให้เป็นนะ และก็ต้องดูแม่ค้าด้วยนิดนึง คือตลอดทาง พอเค้าเห็นว่าเราเป็นคนไทย ดูเป็นนักชอป ก็จะมีชายชุดดำ เข้ามาถามอย่างเดียวเลยว่า “กระเป๋าก๊อปปี้มั้ยๆ” เหมือนเค้าจะมีโกดัง สำหรับเก็บกระเป๋าอีกที่นึง โดยเราสามารถเลือกแบบได้จากใน SHOP หรือภาพถ่ายในมือถือที่ชายชุดดำส่งให้ดูค่ะ

เอาเป็นว่า จากการเดินดูกระเป๋าถือผู้หญิงของที่นี่ Chanel , Balenciaga, Yves Saint Laurent ….. blah blah เป็นงานก๊อปมิลเลอร์ที่ราคายังสูงอยู่ สมมติราคาชอป 30000 แต่ที่นี่ 5000 งี้ ดีไซน์ดูเหมือนของจริง แต่ในเรื่องคุณภาพก็จะตามราคา ของแบบเดียวกันคนละราคาก็มี แต่จะไม่มีโลโก้แบรนด์หน้าร้านนะ เมื่อสั่งซื้อแล้วเค้าจะเอาไปแปะแบรนด์ให้ทีหลัง (สัมภาษณ์จากผู้ร่วมทริป ผู้เชี่ยวชาญด้านเป๋าแบรนเนม 555)

โชคดีที่เราไม่ใช่คนติดกระเป๋าแบรนเนม แต่ติดกระเป๋าเดินทาง 555 ก็โดนกระเป๋าเดินทางแบบลากไปหนึ่งใบ เอามาใส่ของที่ชอปมาตั้งแต่ Onelink ตัวเบาไปเยอะเลย 5555 (กระเป๋าตังนี่แหละเบา 555)

เอาจริงๆมาที่นี่ก็เหมือนไปดูงาน ไว้เป็นความรู้ประดับสมองว่า ของจริงเป็นไง ของเก๊เป็นยังไง ดูตำหนิตรงไหนบ้าง ไรงี้ ก็ดูเป็นการช๊อปที่มีสาระดีนะ

** พี่ที่โฮสเทลเตือนเอาไว้ ว่าถ้ามีคนชวนไปดูของในตึกหรือในที่เปลี่ยว  ไม่ควรไปค่ะ ควรมีไกด์หรือคนที่พูดจีนไปด้วย

GUANGZHOU 012 Shangxiajiu Lu

มืดแล้ว เราแวะเก็บของที่โฮสเทล ก่อนจะออกไปหาอะไรกินเย็นนี้

พี่โฮสเทลแนะนำให้ไปเดินเล่นถนนคนเดิน Shangxiajiu Lu (ซางเซี่ยจิ่วลู่  ลู่แปลว่าถนน) เค้าบอกว่ามี steet food ขายเยอะ น่าลอง น่าสนุก บวกกับแนะนำบาร์ให้นั่งนิดหน่อย เพราะวันนี้เราจะไปฉลองวันเกิดให้ เจน เพื่อนร่วมทริปของเรา ฮี่ๆ

‘Shangxiajiu Lu’ เปิด MAP แล้วเดินตาม เดินจากโฮสเทลไปเลยค่ะ

ถนนนี้แอบคล้ายๆกับ ไป่จิงลู่ (Beijing Road)นะ แต่มีอาหารการกินเยอะกว่า และดูละลานตากว่า มีเสื้อผ้าที่ถูกฉโลกกว่าที่ ไป่จิงลู่ ดีไซด์กว่า แต่ไม่ใช่แบรนด์เนมใหญ่ๆ ตึกรามอาคารของถนนเส้นนี้ก็เป็นสไตล์ยุโรป เหมือนกับเกาะซาเมียนที่ไปเมื่อเช้านี้ เพราะมันอยู่ใกล้ๆกันเอง
มาถึงเรื่องกินที่รอคอย เราเห็นภาพจากในเนตบอกว่าที่นี่มีหอยนางรมย่าง เลยตั้งใจเดินหาเลย ต้องกินให้ได้ ไม่งั้นมิสชั่นไม่คอมพลีท นี่เลยค่ะ ในที่สุดก็เจอ 5 ตัว 10 หยวน เท่านั้น (ตัวละประมาณ 10 บาท)
เป็นหอยนางรมย่าง เนยกระเทียม ต้องกินร้อนๆนะ อร่อยมากกกกกกกกก แต่อาจจะต้องเขี่ยกระเทียมออกไปหน่อย เค้าให้มาเยอะเกิน
บนโต๊ะจะมีกระปุกน้ำพริกไว้ให้จิ้มด้วย เผื่อใครชอบรสจัดจ้านๆ เราโดนไปเกือบ 10 ตัว โดปไว้เยอะๆ คืนนี้น่าจะยาวว
อีกหนึ่งของน่าลองคือ ปลาหมึก ที่นี่มีทั้งปลาหมึกทอด ปลาหมึกย่าง ปลาหมึกกระทะเหล็ก หน้าร้านจะมีปลาหมึกปลอมมาโชว์
ซึ่งมันเหมือนจริงมากเว่ย เราก็หยิบไม้มันขึ้นมาให้เค้าทอดให้

แม่ค้าปัดมือออก
เห้ยยย

เราก็นึกว่าไม่ขายให้เรา โถ่ววว แล้วนางก็หยิบหมึกของจริงออกมาจากทัฟเปอร์แวร์ ถึงรู้ว่าอีที่หยิบอะ ปลาหมึกปลอมมม 5555 555555555555555

นอกจากนี้ก็มีอาหารอื่นๆอีก เดินกินได้ตลอดทางเลยย เปรมมมมค่าาา

GUANGZHOU 013 SOHO

ปิดท้ายวันกันแบบสวยๆ ด้วยผับจีน ริมแม่น้ำเพิร์ล SOHO เป็นร้านที่ทางพี่โฮสเทลแนะนำมาอีกแล้ว เชื่อพี่เค้าไม่เคยผิดหวังค่ะ ถึงแม้เที่ยวกันตั้งแต่เช้า เดินกันมาทั้งวัน แต่ก็ไม่เหนื่อยกัน เรื่องปาร์ตี้น้องสู้ตายค่าาา

ร้านที่นี่เรทราคาก็คล้ายๆกับที่ไทยนั่นแหละ เรทราคาเบียร์ขวดเล็ก 40 หยวน หรือประมาณ 200 บาท ถ้าซื้อแค่ขวดสองขวด จะเปิดโต๊ะนั่งไม่ได้ ต้องยืนอยู่ที่บาร์แคบๆ แต่ถ้าซื้อแบบโปร 12 ขวด ถึงจะได้นั่ง เหยยย มีการขายส่งถึงในผับด้วยหวะ คนจีนนี่หัวการค้าจริงๆ เอาสิคะ กินหมดอยู่แล้วววว แถมราคาถูกกว่าด้วย ดึกๆจะมีผลไม้ มะเขือเทศ ถั่ว แจกฟรี ไว้เป็นกับแกล้ม เรื่องเพลงในคลับก็โอเคนะ เป็นดีเจ EDM เต้นๆ รั่วๆ ไป สนุกมากๆ ส่วนคนที่มาส่วนใหญ่จะวัยทำงานมากกว่าวัยรุ่น
ตี 3 ร้านปิด กลับมาต่อที่โฮสเทล แล้วก็นอนนนนยาวเลยค่าาาา พลังงานหมดพอดี ลืมบอกไปว่า เตียงที่โฮสเทลเรา นิ่มมากๆๆ เป็นโฮสเทลที่ถึงต้องปูเตียงเอง แต่ได้เบาะนิ่มนอนสบายก็โอเคร

__________

GUANGZHOU 014 วันอาทิตย์

เราตื่นสายมาด้วยอาการปวดตัว ปวดขา เพราะเมื่อวานเดินเยอะไปหน่อย ไม่มีอาการแฮงค์นะ แต่หิวมาก

แถวโฮสเทลมีร้านอาหารเยอะค่ะ เราเลือกกินร้านเป็ดอีกแล้ว คราวนี้เป็นร้านบ้านๆ เป็ดไก่หมูกรอบโชว์ที่ตู้น่ากินมากๆ ติ่มซำก็น่ากิน
เกี๋ยวซ่าก็น่ากินไปหมด เค้าบอกว่าที่นี่จะเป็นอาหารกวางตุ้งเหมือนฮ่องกง แต่ราคาจะถูกกว่า เพราะกวางโจวเป็นต้นกำเนิดอาหารกวางตุ้งค่ะ รีบcheck out จากโฮสเทลแล้วก็ “จัดไปค่ะ”
รถไฟกวางโจว ไป เซินเจิ้น

แพลนวันนี้คือเดินทางไปเซินเจิน ขึ้นรถไฟที่สถานี Guangzhou East railway สามารถนั่ง Metro สายหน้าโฮสเทลไปได้ สายเดียวก็ถึงเลย

รถไฟจากกวางโจวไปเซินเจินมีทุก ครึ่งชั่วโมง – ชั่วโมง รอบสุดท้ายคือ 19.00 น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาธรรมดา 80 หยวน first class 100 หยวน สามารถจองผ่านเว็บก็ได้ ต้องจองก่อนวันเดินทาง 3 วัน ส่วนเรามาซื้อที่หน้าเค้าเตอร์เลย ต้องใช้ PASSPORT ด้วยค่ะ และรถไฟออกตรงเวลามาก ถึงก็ตรงเวลามากเช่นกัน เป็นเรื่องดี

FIRST CLASS ราคาต่างจากคลาสธรรมดาแค่ 20 หยวน ที่นั่งดีมาก นุ่ม หลับสบาย นอนตื่นนึงก็ถึงเลย คิดถูกที่เลือกอันนี้

GUANGZHOU 015 ถึงเซินเจิน

มาถึงประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงที่เดินเมืองกำลังสบาย แดดอ่อนๆ พออกจากสถานีรถไฟ ก็เดินเข้า Metro ได้เลย ไปลงที่สถานี Laojie จะเจอถนนฮอตของที่นี่คือ Dongmen หรือ ตงเหมิน ซึ่งพวกเราอ่านว่า ดงเหม็น

ที่นี่มีห้างหลายๆห้างติดกัน คล้ายๆสยามที่ไทยนะ พวกกระเป๋า เสื้อผ้า  ราคาไม่แพงจะอยู่ริมถนน ดีหน่อยก็เข้าห้าง และของกินเยอะมาก  ยกให้เมืองจีนนี่เป็นเมืองแห่งของกินเลย

ในที่สุดเราก็ไปโดนน้ำมะม่วงปั่นจากไทยแลนด์ “ฉันยุ่งมาก” สาขาเซินเจิ้นจนได้ มันอดไม่ไหว อยากลอง ลองต่อคิว อยากรู้ว่าทำไมถึงชอบกันขนาดนั้น

ซึ่งมันก็อร่อยดีนะ  แก้วใหญ่มาก ต้องแชร์กันกับเพื่อน น้ำมะม่วงนี้จะแบ่งเป็น 3 ชั้น ใต้สุดเป็นน้ำมะม่วงปั่น ถัดมาเป็นชั้นวิปครีม และบนสุดเป็นมะม่วงปั้นเกร็ดน้ำแข็ง ชั้นบนสุดนี่แหละ คือสุดยอด อร่อยมาก เกร็ดน้ำแข็งละเอียดเหมือนไอติม แถมด้วยเนื้อมะม่วงชิ้นใหญ่ โปะข้างบนพูนๆ ทำให้มะม่วงแก้วละ 150B นี้ดูเว่อวังขึ้นมา

เราพบว่า คนที่เซินเจิน หน้าตาและการแต่งตัว ดูดีกว่าคนที่กวางโจว หรืออาจเป็นเพราะเราไปกวางโจวผิดที่ก็ได้ วัยรุ่นยุบยิบๆเลย หัวใจป้ากระชุ่มกระชวย 5555

ที่เซินเจิ้น นอกจากถนนคนเดินที่นี่แล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวสนุกๆอีกหลายที่ ทั้งสวนสนุก Window of the World หรือ Splendid of China หรือจะแนวอาร์ทๆหน่อยก็มี เมืองศิลปะ Dafen Painting Village สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ เพราะรถไฟใต้ดินถึงกันหมดเลย

_______

กลัวหลงทาง เลยนับจุดนี้เป็นจุดแลนด์มาร์ค ทุกๆที่ที่จะไป ต้องเริ่มตรงนี้ ถ้าหายไปก็มาเจอกันตรงนี้นะ

มาที่ของกินกันอีกครั้ง เราอยากกินอะไรดีๆ ก่อนจะนั่งเครื่องกลับในวันนี้ เราเดินวนไปวนมาเลือกร้านนั่งกินแบบชิลๆ แล้วก็มาจบที่ร้านนี้ค่ะ อยู่ในตรอกเล็กๆทางหันไปทางซ้ายมือของแลนด์มาร์คจุดเดิมค่ะ
HOTPOT จีน

ในใบเมนูจะมีให้ เลือกน้ำซุป เลือกเนื้อ เลือกผัก ในส่วนของน้ำซุป มี 3 แบบ แบบจีน แบบspicy และแบบน้ำใส เราเลือกน้ำใส และspicyค่ะ ส่วนพวกเนื้อก็ติ๊กมั่วๆไป

รสน้ำใสของที่นี่อร่อยมากค่ะ แต่รส spicy นี่คือ เผ็ดแบบแสบร้อนไปทั้งทรวง 555 มันไม่ใช่เผ็ดแบบต้มยำกุ้งไทย แต่มันคือเผ็ดจากสมุนไพรที่เรียกว่า หมาล่า ซดไปร้อนไปยันหลอดทางเดินอาหาร ยันกระเพาะเลย อันนี้แนะนำว่าต้องลองนะ

สำรวจยามค่ำคืนของเมืองเซินเจิ้นกันอีกซักนิด ก่อนจะนั่งรถไฟไปไปสนามบิน ฝนตกจ้าาาาาา

GUANGZHOU 017 จาก dongmen ไปสนามบิน

เราขึ้นที่ METRO Laujie แล้วซื้อตั๋วไปลงที่สถานี Hourui ซึ่งเป็นสถานีก่อนถึง Airport เพราะจุดนี้มี Airport Bus ไปสนามบิน ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมไม่ให้ลง ที่สถานที่ Airport East (แต่เพราะมันมีป้ายเล็กๆบอกว่า Bus Transfer to Airport ที่แผนที่ในสถานีรถไฟ)

เวลา 3 ทุ่มพอถึงสนามบินก็เข้าเช็คอินเลย สนามบินเซินเจินไม่ใหญ่มากค่ะ ไม่มีหลงๆ แต่แค่ที่เกต ไม่มี DUTY FREE ให้ชอปนะ แอบเซ็งนิดนึง ยังเสียดายที่ไม่ได้ซื้อตั้งแต่ขามา
เช็คอินสายการบินแอร์เอเชีย บินตรงไปกลับ กรุงเทพ เซินเจิ้นทุกวันค่ะ ไฟล์ท 23.20 และถึงไทยตอนตี 1.15

ได้เวลากลับแล้ววว

จบไปกับเสาอาทิตย์ที่เรารู้สึกว่ามันคุ้มมาก รู้สึกดีกว่านั่งชอปผ่านเนตอยู่ห้องเปื่อยๆ 555 เพราะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว คือมันเป็นทริปทั้งเที่ยว ทั้งชอป ทั้งสนุกไปกับเพื่อนด้วย เหนือกว่านั้น คือ การต่อยอดทางธุรกิจ เราว่าที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกนึงเลย แค่ครั้งนี้เราลองมาดูลาดเลาก่อน เพราะถ้าจะมาอีกครั้ง ควรจะซื้อน้ำหนักกระเป๋าเยอะๆไปเลย มันจ้องได้ของติดมือกลับบ้านเยอะแน่ๆ 555 อย่างทริปนี้ มาแบบตัวเบาหวิวเลย กระเป๋าเป้ใบเดียวชิลๆ ขากลับมีกระเป๋าใหม่โผล่มาหลายใบ แหะๆ

ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่น่ารัก ที่ทำให้ทริปนี้มีเพื่อนหลงไปด้วยกัน มั่วไปด้วยกัน มันส์ไปด้วยกัน จีนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ มาเองก็ได้
การเดินทางก็ง่ายเหมือนไปเที่ยวสยาม 555

_______

สุดท้ายแล้วขอฝากเรื่องหนึ่ง คือ ทุกครั้งที่รับเงินทอน เช็คเงินทอน เช็คแบ๊งค์ก่อนทุกครั้ง ที่เค้าให้มา อย่างเช่นแบงค์ 20 หยวนนี้
ผิวกระดาษเบาๆ และฟอยเงินที่ถูกปั๊มมาเฉยๆ ไม่ได้เป็นแถบฟอยฝังลงในแบงค์ ธนาคารเค้าจับนิดเดียวก็รู้แล้ว เราต้องตั้งใจดูจริงๆ โดยเฉพาะตรงฟอยเนอะ ดีที่เราโดนแค่แบงค์เดียว ก็ถือว่าเป็นของฝากจากจีนเล็กๆน้อยๆแล้วกัน 555

 

เผื่อว่าทริปนี้ได้ไปเป็นข้อมูลการเดินทางของใครก็ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ

ไปละนะ สวัสดี.
ต้นอ้อ

 

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
EN ROUTE TO LAOS เรื่องลาวของฉันกับกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ (1) หลวงน้ำทา – ปากมอง – หนองเขียว – เมืองงอย