เที่ยวดาลัท-มุยเน่ เมืองดอกไม้กับทะเลทราย – เวียดนาม | DALAT- MUINE, VIETNAM

ดาลัด กับ มุยเน่
ดอกไม้ กับ ทะเลทราย

อาจจะดูเป็นสิ่งตรงข้ามกันมากมาย
ดอกไม้เป็นสัญญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
และทะเลทรายคือความแห้งแล้ง
จะแปลกไหม ถ้าเอามันมาอยู่ในทริปเดียวกัน

ว่ากันว่า “ดาลัท” เป็นเมืองดอกไม้
มีอากาศดีตลอดทั้งปี เป็นเมืองในขุนเขา
ที่ใครมาก็ติดใจ อยากจะอยู่นานๆ
เพราะอากาศที่บ้านเรามันไม่มี
ส่วน “มุยเน่” เมืองทะเลทราย ไม่ไกลจากดาลัทเท่าไหร่นัก
ถึงจะแห้งแล้งแต่ก็ยังมีทะเลให้คลายร้อน
และได้ทำกิจกรรมสนุกๆ

ทั้งสองที่นี่อยู่ที่ ประเทศเวียดนาม นี่เอง
ทริปนี้เราจะไปทั้งสองเมืองเลย

 

BKK-DALAT

ในทริปนี้เราบินตรงจากกรุงเทพมาลงเมืองดาลัท ประเทศเวียดนาม กับสายการบิน Vietjet Airline มีบินไปกลับทุกวันวันละ 1 เที่ยว จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปดาลัท เวลา 11.10 น. และขากลับดาลัท ไปสุวรรณภูมิ เวลา 13.35 น. นั่งชมวิวริมหน้าต่างชิลๆ ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว อีกทั้งราคายังย่อมเยา ยังกะนั่งเครื่องในประเทศไทยอีกเด้อ

เช็คราคาและเวลาได้ที่นี่
https://www.vietjetair.com/Sites/Web/th-TH/Home

ดาลัท (DALAT)

มาถึงสนามบินดาลัท สิ่งแรกที่ต้องหาคือรถ Shuttle Bus เพื่อเข้าเมือง ที่ยากคือ มันไม่ได้มีป้ายบอกว่าต้องไปขึ้นที่ไหน  ต้องเดินตามๆเค้าไป จนออกจากประตูแอร์พอร์ทจะมีคนเข้ามาถามมากมาย ส่วนใหญ่เป็นแทกซี่ และหนึ่งในนั้นเป็น Shuttle bus มันจะงงๆ ว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมต้มตุ๋นหรือเจ้าหน้าที่บัสจริงๆ  ให้ถามให้ละเอียดๆ ว่าราคาเท่าไหร่ มีตั๋วให้เลยรึป่าว ราคาที่ต้องได้คือ 40,000 ดอง แล้วเค้าจะเขียนตั๋วให้เลยค่ะ

ณ จังหวะนั้นคือพอเราเห็นคนเข้ามาถามเยอะๆแล้วก็ปฏิเสธไปหมดทุกคนเลยจ้าา แล้วก็วิ่งหาที่ขึ้นรถบัสจนทั่วสนามบิน จนไปถามยาม ยามบอกให้ซื้อกับคนนี้ ซึ่งก็คือคนที่เราปฏิเสธและเมินไปก่อนหน้านั้น ฮ่าๆๆ น้องขอโทษค่ะพี่ น้องไม่ได้ตั้งใจเมิน :P

จากสนามบินเข้าเมืองใช้เวลาประมาณ 45 นาที จ่ายเป็นเงินดองอย่าลืมแลกเงินมาก่อนเด้อ Shuttle Bus จะส่งเราที่ที่พักเลย (ปล. ถ้าเป็นที่ที่คนขับรู้จักเท่านั้น) ที่พักเราเป็นโฮสเทลที่เพิ่งเปิดใหม่ พี่คนขับไม่รู้จัก 555 เราเลยบอกว่าลงโรงแรมทิวลิป 3 โรงแรมที่หลายๆคนใน pantip เคยรีวิวไว้ แล้วค่อยเดินตามแผนที่ไปโฮสเทลเอง ไม่ไกลนะ แต่ก็หลงได้เพราะซอยเยอะมาก

GAIA HOSTEL DALAT

เป็นโฮสเทลในซอยเล็กๆ บนเนินเขา เมื่อก่อนชื่อ memory Hostel แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GAIA (อ่านว่า ‘ไกอา’ กุอ่านว่า ‘เกีย โฮสเทล’ มาตั้งนาน ไม่น่าหละถึงไ่มมีคนรู้จัก) ที่นี่เราจองมาจาก Hotels.com เว็บจองโรงแรมที่มีโรงแรมอยู่ทั่วโลก ตั้งแต่โฮสเทล โฮมสเตย์ ยันโรงแรมหรู 5 ดาว โปรโมชั่นเยอะดี มีส่วนลดเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา เราได้มาในราคาคนละ 209 บาทเอง

https://th.hotels.com/ho620464512/gaia-hostel-dalad-weiydnam/

ความน่ารักของโฮสเทลนี้มันอยุ่บนดาดฟ้าฮะ สามารถชมวิวเมืองได้ จะนั่งชิล อ่านหนังสือ ทำงาน จิบเบียร์ก็ได้ กับอากาศดีๆในดาลัทแบบนี้ โคตรคุ้มอะ  (ตอนที่เราไปอากาศประมาณ 20-23องศา เย็นสบายมากๆๆ)

เนื่องจากทริปนี้เรามากับเพื่อนสาวชื่อโย ผู้มีแขนน้อยเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เราแจ้งทางโฮสเทลว่าขอเตียงล่างนะ ด้วยความเป็นห่วงเพราะนางจะได้ไม่ต้องลำบากในการขึ้นลงเตียงสองชั้น เค้าเลยจัดห้องใหญ่ชั้นบนสุดมาให้ ซึ่งภายในห้องใหญ่นี้จะมีชั้นล่าง 3 เตียงติดกัน(ที่เข้าเตียงได้ง่ายๆ) และบันไดลิงขึ้นไปชั้นใต้หลังคา อีก 3 เตียง 

โย(แขนน้อย) บอกอยากอยู่ห้องใต้หลังคาอะ เราก็โอเค ถ้านางสามารถปีนบันไดลิงขึ้นลงได้ก็เอาสิ นั่นแหละ…. แขนน้อยของนางไม่ได้เป็นปัญหาเลย เมื่อใจอยากซะอย่าง เพราะบนชั้นใต้หลังคามันชิลมาก มองเห็นวิว และมีระเบียงส่วนตัว ยอมใจนาง หลังจากนั้นเราก็ไม่คิดว่าแขนน้อยจะเป็นอุปสรรคใดๆในการเที่ยวอีกต่อไป

DALAT NIGHT MARKET

ออกไปสำรวจเมืองดาลัทกันดีกว่า จากที่พัก เราเดินไป Night Market ได้ง่ายๆเลย ของกินก็เยอะมากๆ เสื้อผ้าก็ถูกมาก เดินได้เป็นชั่วโมง อากาศที่นี่หนาวก็ที่เราคิดไว้นิดนึงเลยจัดเสื้อกันหนาวไปเลยจ้าาา เสื้อโค้ทราคาถูก หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ จริงๆมันคล้ายๆกับตลาดโต้รุ่งบ้านเราแหละ แต่พอมันเย็นๆหนาวๆ เนี่ย น่าเดินกว่าเยอะเลย

ที่นี่มีอาหารทะเลเยอะมากๆ ส่วนใหญ่เป็นประเภทหอยทั้งหอยนางรม หอยตลับ หอยแมงภู่ หอยลาย หอยดูด หอย หอย หอย มาเป็นสุสานหอยเลย  ละบังเอิญเจอคนไทยที่นั่งเครื่องมาพร้อมกัน  เลยชวนมากินด้วยกัน มาแชร์หอยกันแกรร

พวกเราเดินเข้าไปร้านนึง เพราะมีเด็กเสิร์ฟพูดภาษาไทยได้ ด้วยความหวังว่า จะได้เมนูหอยอย่างที่ใจต้องการ ขุ่นพระ!!! มีเมนูภาษาไทยด้วยเว้ยยเห้ย แต่ แต่ แต่ เมนูมันแปลกๆนะ 

คนผัด คืออัลลัยยยยย!!!!???!!

ไปรษณียบัตรกระปรี้กระเปร่า คือหอยประเภทไหนนนน????!!!!

เอาจารบีมาผัดได้ด้วยหราาาาา???!!!

ถามเด็กเสิร์ฟที่เรียกเราเข้าร้าน อยู่ดีๆ แม่งก็พูดไทยไม่ได้แล้ว อะไรวะ เราก็เลยสั่งแบบตามมีตามเกิด สั่งหอยนางรม แต่ไม่ได้หอยนางรมซักตัว…

บรายยยย

DAY 2

ในตัวเมืองดาลัทเนี่ย มีสวนดอกไม้เมืองหนาวกระจายอยู่ทั่วไปเลย ทั้งทุ่งเล็กทุ่งใหญ่ เราสองคนเลยตัดสินใจเช่ามอไซด์ขับทัวร์เมืองในวันนี้ พอเจอสวนดอกกไม้ก็จอดแวะถ่ายๆ แต่อาจจะไม่ได้ไปไกลจากเมืองมากนัก เพราะฟ้าครึ่ม ฝนเตรียมจะตกแล้ว ไม่อยากขี่มอไซด์ตากฝนกัน

ในแต่ละเดือน ในสวนดอกไม้ก็จะมีดอกต่างชนิดกันไป บางช่วงเป็นดอกไฮเดรนเยียร์สีม่วง บางช่วงเป็นดอกคอสมอส ดอกทิวลิป ดอกกุหลาบพันปี ชื่อดอกอะไรบ้างเราก็ไม่แน่ใจ ยังไงก็ลองหาข้อมูลก่อนมากันด้วยเด้อ เรามาช่วงต้นมีนาคม เป็นช่วงปลายไฮเดรนเยีย และกำลังจะเข้าช่วงลาเวนเดอร์ค่ะ

BI.CYCLE.UP CAFE

และแล้วฝนก็ตกลงมาจริงๆด้วย เราเข้าไปหลบฝนในคาเฟ่หนึ่งในตัวเมือง ร้าน BICYCLE CAFE เป็นร้านเล็กๆน่ารักๆที่ซ่อนอยู่ในตึกแถวแห่งหนึ่ง  จิบชาเขียวเย็นฆ่าเวลาไปค่ะ 

 Royaltea

มาต่อกันอีกร้านข้างๆกัน เพราะฝนยังไม่หยุดตก เป็นร้านชานมไข่มุกชิคๆ ที่อร่อยมากๆๆ  ชื่อร้านว่า Royaltea ด้านหน้าตกแต่งธรรมดาๆ แต่ข้างในไม่ธรรมนะ โคตรน่านั่ง มีสองชั้น อยากบอกว่าชั้น 2 โคตรดี สไตล์วินเทจ เมนูเด็ดที่เราสั่งแล้วติดใจเลยคือ ชานมไข่มุกครีมเค้กเพิ่มโอริโอ้ (Cake Cream Black pearl mile tea add topping Oreo) แค่ชื่อก็กินขาด เพราะยาวเกิน นี่แก้วแพงสุดในร้านแล้วนะ 51,000 ดอง 

ก่อนจะกลายเป็นรีวิวเที่ยวคาเฟ่ ขอย้ายสะโพกไปขับมอไซด์ไปที่พักที่ใหม่กันต่อ ฝนก็เริ่มซาๆลงแล้วล่ะ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโล ขับมอไซด์ขึ้นเขาผ่านทุ่ง ผ่านป่าสน และฝนเบาๆ ก็มาถึงที่ Terracotta Hotel จริงๆจะนั่งแทกซี่มาก็ได้แหละ ราคาไม่แพง แต่เสือกเช่ามอไซด์มาแล้วไง เลยต้องเอามอไซด์ไปด้วย 

Terracotta Hotel 

เป็นโรงแรมริมทะเลสาบ ห้อมล้อมไปด้วยป่าสน เราเห็นรีวิวโรงแรมนี้จากเพจท่องเที่ยวเพจนึง เลยจองมา เพราะเค้าว่าภาพในเว็บไซด์จองโรงแรมกับโรงแรมของจริงไม่เหมือนกันเลย คือของจริงดีกว่าเยอะมาก บรรยากาศริมน้ำ กลางป่าสน โคตรดี สงบและสวยงาม

https://th.hotels.com/ho490882/terracotta-hotel-resort-dalat-dalad-weiydnam/

ที่พักที่นี่จะมีแบบสแตนดาดที่อยู่อาคารหลัก และแบบดีลักเลควิวจะได้อยู่ในบ้านเป็นหลังๆ ต้องนั่งรถกอล์ฟเข้ามา คือจะเดินก็ได้แหละ แต่ไกลนิดนึงและเป็นเนินเขา แนะนำให้เอาแบบบ้านๆนะ แพงกว่าไม่มากแต่บรรยากาศดีกว่าเยอะ ในบ้านหลังนึงจะแยกเป็น 4 ห้องนอน มีห้องรับแขก ห้องครัว ระเบียงแบบแชร์กัน ถ้ามากับเพื่อนๆหลายคน เหมาทั้งหลังเลยคงจะดี แต่เรามาแค่ 2 คนไง เอาแค่ 1 ห้องนอนในบ้าน ที่พักหารกันคนละไม่ถึงพันก็โอเค 

เราว่าบางที Terracotta ก็เหมาะจะเป็นสถานที่สำหรับการมาฮันนิมูนได้อยู่นะ อากาศก็ดี วิวก็งาม ทุกอย่างมันเป็นใจไปหมด มันไม่ใช่ที่พักแบบเอาไว้ซุกหัวนอนอย่างเดียว แต่มันเป็นที่พักที่ควรมาเสพย์บรรยากาศและใช้เวลากับมัน ใกล้ๆกับที่พักนี้มีน้ำตก Dalata falls ด้วย ที่มีนั่งกระเช้า และเล่นรถรางลงเขา แต่เราไม่ได้ไป แหะๆ

คืนนี้ฝากท้องไว้กับห้องอาหารของ Terracotta ค่ะ Hotpot เป็นอะไรที่เหมาะมากๆในยามฝนตก และหนาวเย็นอย่างนี้

TO MUINE

เช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันเดินทางไปมุยเน่ เมืองทะเลทราย เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะมุยเน่ร้อนและแห้งมากๆ เราขับรถมอไซด์ไปคืนในเมือง และนั่งรถบัสรอบบ่ายโมง จากบริษัท The Sihn Tour ราคา 90,000 ดอง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ถึงเมืองมุยเน่แล้ว (คำเตือน : ทางโหดพอสมควรนะ กินยาแก้เมาไว้ก็ดี) ถ้านอนไม่หลับไม่เป็นไร เพราะระหว่างทางสวย เราเพลินไปกับวิวหมอกบนยอดเขา ผ่านทะเลสาบ ไปจนถึงกลางทะเลทราย จากอากาศหนาวๆใส่ผ้าพันคอ จนถึงร้อนจนอยากจะแก้ผ้าซะตอนนั้นเลย

มาถึงมุยเน่แล้ว เข้าที่พักเลยดีกว่า ที่พักเราวันนี้อยู่ริมทะเลเลย จากที่ลงรถบัส ก็นั่งแทกซี่ต่อมาประมาณ 50,000 ดองไปโรงแรม Surf4you ที่เราเพิ่งจองจาก App Hotels.com เมื่อวันก่อน

SURF4YOU HOTEL , MUINE

เราเลือกโรงแรมนี้เพราะภาพอาคารสีขาวริมทะเล กับหนุ่มยืนคู่วินด์เซิร์ฟหน้าโรงแรมเท่านั้นจริงๆ แต่ความชิลของตัวโรงแรมเองก็ทำให้เราอยากหมกตัวอยู่ในนี้ทั้งวัน สระว่ายตรงกลางก็อยากลงไปเล่น ทะเลก็อยากลงไปเซิร์ฟ หนุ่มๆก็อยากส่อง เลือกไม่ถูกเลยอะว่าจะทำอะไรก่อนดี

https://th.hotels.com/ho547430/surf4you-residence-phan-theiyt-weiydnam/

แต่ก็ไม่ได้ไปไหนเพราะมันมืดพอดี งั้นดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ก็แล้วกัน

ตอนเย็น เราเช่ามอไซด์กับทางโรงแรม เพื่อขับไปหาอาหารทะเลกิน เค้าบอกว่าถ้ามามุยเน่แล้ว ห้ามพลาดอาหารทะเลเด็ดขาด สดจริงอะไรจริงเพราะอยู่ติดทะเลและหมู่บ้านชาวประมง ร้านอาหารทะเลที่นี่หาไม่ยากเลย มีแทบจะทุก 10 เมตร แต่ละร้านจะมีตู้ปลาตะกร้าหอยให้เลือกสรรค์ เราสองคนก็สุ่มเข้าไปซักร้านนึง ที่มีคนเยอะๆหน่อยเพราะคิดว่ามันน่าจะอร่อย 

BOKE MR.CRAB

เราเข้าไปสั่งหอยเชลล์ย่าง หอยนางรม และกุ้งมังกรเผา (ได้กินซักทีหอยนางรมเนี่ย) โดยหยิบเข้าตะกร้าให้พนักงงานเลย ละบอกเค้าว่าเอาไปย่างอย่างเดียว อยากแนะนำเพิ่มเติมถ้าจะมาเวียดนามครั้งต่อไป คือให้เอาน้ำจิ้มซีฟู๊ดมาด้วย นี่ก็ลืมทุกครั้งอะ เฮ้ออ คือน้ำจิ้มที่นี่มันเป็นเกลือพริกไทย และบีบมะนาวลงไป แค่นั้นเลย มันก็ดีถ้าใครชอบของสดๆ ชอบความหวานของเนื้อกุ้งเพียวๆงี้ แต่เราไม่อะ ชอบซีฟู๊ดซอสประเทศไทยที่สุดแล้วเผ็ดๆเค็มๆเปรี้ยวๆ โอ้ยน้ำลายไหล ขอเตือนตัวเองอีกครั้ง ว่ามาเวียดนามแล้วห้ามลืมน้ำจิ้มซีฟู๊ด(ยี่ห้อปูดองอันยองสูตรมะนาวสวน ไม่ได้ขายของนะแต่ชอบเลยอยากบอกต่อ 555)!!!

JOE’S BAR

ความดีงามของที่นี่คือเป็นดนตรีแจ๊ส จากคุณลุงคนเดียวที่เล่นทั้งคียฺบอร์ด แซกโซโฟน เมาท์ออแกน และร้องในคนคนเดียว! คนส่วนใหญ่ที่มาก็นักท่องเที่ยวนี่แหละ เกาหลี จีน ฝรั่งก็เยอะ ถามว่าครึกครื้นแบบที่คิดมั้ย ก็ไม่เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ทำลายข้อสงสัยไปได้หนึ่งแหละ เพราะเคยมีคนบอกก่อนมาว่ามุยเน่มันไม่มีอะไร แต่อย่างน้อยก็ยังมีบาร์ดนตรีสดให้ได้นั่งชิล

คืนนี้อยู่ดึกไม่ได้ เพราะต้องตื่นเช้าไปทะเลทรายก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

5AM

สวัสดีตี 5 เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ แต่กว่าจะลุกขึ้นจากเตียงก็เลทไปอีกครึ่งชั่วโมง แพลนวันนี้คือเราจะขี่มอไซด์ไปทะเลทรายขาวก่อน ตอนแรกก็กะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั่นแหละ เหมือนทัวร์ที่เค้าไปกัน แต่ก็นะ ตื่นไม่ทัน เราก็เลยชิลๆ ล้างหน้าแปรงฟัน ละออกไปถ่ายแสงทไวไลท์หน้าหาดแทน 

คันนี้แหละหนุ่มพาเที่ยวในมุยเน่ ฮ่าๆ ค่อยๆไปนะ ขับเลนซ้ายด้วย เวลาเช้าๆยังมึนๆ ก่งก๊งๆ ต้องระวังให้มาก

WHITE SANDDUNES ทะเลทรายขาว

ทะเลทรายขาว อยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 30 กิโล ขี่มอไซด์ไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ขี่ชิลๆเย็นๆ ไปบนทางเลียบทะเล ระหว่างทางเจอรถจิ๊ปที่เค้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกำลังขับกลับ สวนทางกับพวกเราพอดี เราจะถือว่าโชคดีที่ตื่นสายนะ เพราะจะได้ไม่ไปชนกับแก๊งทัวร์อื่นๆ 

และแล้วก็มาถึงงงงงงงทะเลทรายยยยย

MISSION COMPLETED!!!!

แทบจะลงไปนอนเลยอะ การมาตอนเช้ามันดีอย่างนี้ พื้นทรายละเอียดๆ ถอดรองเท้าเดินละเย็นทีน เดินเตะทรายสวยๆ สะบัดผ้าแรงๆ แล้วก็แชะ แชะ แชะ  นี่คือผลของการตื่นเช้า คนก็น้อย ถ่ายละเห็นแต่สันทรายไกลลิบตา แต่ขอบอกว่าหลังจาก 9 โมงไปแล้ว ทรายเย็นๆแบบนี้ไม่มีแล้วเด้อค่า ร้อนจริงอะไรจริง 

เพราะเราสองคนรู้ว่า เราไม่สามารถเดินไปได้ไกลจนถึงยอดเนิน เพราะความขี้เกียจ หลังจากถ่ายรูปใกล้ๆเสร็จ ก็ไปเช่ารถควอทไบค์ขับ ถามว่าขับเป็นหรอ โนวจ้าาาาา ถึงจะรักการแว๊น แต่เราจะไม่เสี่ยงเอาเพื่อนแขนน้อยผู้น่ารักซ้อนไปด้วยแน่นอน เลยเช่าแบบมีคนขับ และเพราะมันเป็นควอทไบค์ ไม่ใช่ ATV มันใหญ่กว่าเยอะ ละนั่งซ้อนได้ทีเดียวทั้ง 2 คนพร้อมคนขับ สนนราคา 400,000 ดอง ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที จอด 3 จุดคือเนินที่สูงที่สุด / จุดชมวิว และทะเลสาบ

เอาจริงๆ เราว่าถ้าต้องขับเองมันค่อนข้างอันตรายอะ เพราะทรายมันลื่น บังคับไม่ดีก็ตกเนินคว่ำได้ แต่น้องคนขับเนี่ย พาขึ้นๆลงๆสันเนินอย่างเสียว หวาดเสียวจริงๆ เหมือนขับรถตกผาอะ หัวใจลงไปอยู่ตาตุ่ม อะดินาลีนหลั่ง กรี๊ดจนเสียงแหบ ต้องมาลองดูกันเอง นี่โยให้ทิปคนขับอีก 100,000 เพราะขับมันส์มาก เปย์ชิบหายอะ เห็นหนุ่มๆหน่อยไม่ได้เลยยยย 5555

ถ้ามากันหลายคนแนะนำให้เช่ารถจิ๊ปไปเลยก็ได้นะ น่ามันส์เหมือนกัน แถมได้ภาพคูลๆ กลับไปด้วย  

ประมาณ 9 โมงกว่าๆ พอแดดเริ่มร้อน เราก็ขับรถกลับกัน  จะบอกว่าระหว่างทางสวยมากก ด้านซ้ายเป็นทะเล ด้านขวาเป็นทะเลทราย ไม่วายที่จะแวะลงไปเสพย์สุขซักหน่อย

 ผ่านหมู่บ้านชาวประมงด้วย มีเรือกระด้งลอยเต็มทะเล เรือกระด้งเนี่ยเป็นสัญญลักษณ์ของเวียดนามเค้าหละ บางคนก็ออกไปหาปลากับเรือนี้ หรือบางทีก็ใช้เรือนี้ขนส่งปลาที่จับได้จากเรือประมงลำใหญ่ เพราะมันลากเข้าฝั่งได้ง่ายกว่า

กลับมาพักที่โรงแรม ทานอาหารเช้าและชิลริมทะเล ชอบสวนมะร้าวของที่นี่จริงๆ เสียดายที่ไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมา ไม่งั้นจะเล่นน้ำให้หนำใจ

เราต้องกลับไปดาลัท รอบบ่ายโมงนี้ ไม่งั้นจะตกเครื่องวันถัดไป แต่ใจยังไม่อยากเลย ยังมีอีกหลายที่ให้ไปทั้งทะเลทรายแดง แฟรี่สตรีม และบาร์ลับๆในแฟรี่สตรีม ซึ่งเพิ่งมารู้ทีหลังว่าควรไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฮือ กลับก็กลับวะ อย่างน้อยเราก็ทำมิสชั่นทะเลทรายขาวของเราสำเร็จแล้ว  

รถบัสไปถึงดาลัทประมาณ 5 โมงเย็น จากร้อนๆเมื่อกลางวัน ตอนเย็นต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่อีกแล้ว เราเข้าที่พักที่จองไว้ผ่าน Hotels.com อีกครั้ง ครั้งนี้เราใช้แต้ม HOTELS.COM REWARDS ที่เราสะสมครบ 10 คืน มาแลกห้องพักฟรีได้ 1 คืน (ต้องจ่าย TAX & FEE เพิ่มต่างหาก) เลยเลือกรีสอร์ทอย่างดีเลยจ้า โอกาศจะได้นอนโรงแรมหรูในราคาที่เราเอื้อมถึงก็มีครั้งนี้แหละ 

ANA MANDARA VILLAS DALAT

ที่นี่เป็นรีสอร์ท 4.5 ดาว ตั้งอยู่บนเขาใจกลางเมืองดาลัท ห้องพักเราจะอยู่ในบ้านสีเหลืองทรงฝรั่งเศษ เค้าบอกว่าที่นี่เคยเป็นบ้านพักตากอากาศของคนฝรั่งเศษตั้งแต่ปี 1920 และได้เอามารีนูเวทเป็นโรงแรม ณ ปัจจุบัน โดยยังคงสภาพบ้านและเฟอร์นิเจอร์เดิมไว้ บ้านหลังนึงจะมีประมาณ 4-5 ห้อง ตกแต่งไม่เหมือนกันซักหลังและไม่เหมือนกันซักห้องเลย ความพิเศษของห้องสไตล์ฝรั่งเศษคือ ห้องน้ำใหญ่มากๆ ใหญ่เท่ากับห้องนอนและห้องนั่งเล่นรวมกันอะ ฮ่าๆๆ 

https://th.hotels.com/ho325613/ana-mandara-villas-dalat-dalad-weiydnam/

เราว่าที่นี่เหมาะสำหรับมาพักผ่อนกับครอบครัว จะปั่นจักรยาน ฟิตเนส แทงสนุ๊ก หรือว่ายน้ำก็ว่ากันไป สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระน้ำอุ่นด้วยเด้ออ ไม่ธรรมดาจริงๆ

วันสุดท้ายแล้ว ก่อนบินกลับ ขอปิดท้ายด้วยคาเฟ่น่ารักๆ อีกซักที่  an cafe คาเฟ่นี้ใครมาก็ต้องแวะ เพราะมันเป็นร้านบรรยากาศชิล นั่งกินกาแฟ ดูวิวเมือง ดูคนผ่านไปมา ถ้ามาตอนเย็นจะได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย ด้วยความที่มันเป็นคาเฟ่ที่ดัง คนจะเยอะมาก จนไม่มีเก้าอี้เลยหละ ไปลุ้นๆเอาละกันเด้อ

และแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับบ้าน ลาก่อนทริปดอกไม้กับทะเลทราย เป้าหมายที่จะมามีแค่นี้จริงๆ เห็นดอกไม้แล้วก็พอ เห็นทะเลทรายแล้วก็จบ ถือเป็นทริปรีแลกซ์ พักผ่อน เที่ยวแบบง่ายๆ แต่ไปไม่ทั่วแบบที่เค้าไปกัน 555 ไปแค่ที่ที่อยากไป ไปแค่ที่ไปไหว พออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ความสุขของการออกไปเที่ยวคือการได้พักผ่อนต่างสถานที่นี่แหละ เหมือนไปเปลี่ยนที่นอน แค่ได้นอนพอ เที่ยวพอ แค่นี้พอ 

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ

ต้นอ้อ

Special Thanks
Hotels.com
VietjetAir
แขนเดียวเที่ยวทั่วโลก

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
KYUSHU, take me to the sea :) คิวชู 9 วันกับคนแปลกหน้า 1 คน