CLUBMED BEIDAHU, CHINA | กินหิมะ เล่นสกี ขี่สโนว์บอร์ด ที่สกีรีสอร์ทประเทศจีน

ไม่อยากจะบอกเลยว่าทริปนี้เป็นการสัมผัสหิมะครั้งแรกในชีวิต ที่ CLUBMED BEIDAHU เคยเห็นแค่ผ่านทางหน้าต่างกับภาพถ่ายแค่นั้น พอจะได้ไปจริงๆก็ตื่นเต้นชิบหายเลยค่ะ  กลัวจะหนาวตาย 5555

เราจะไปกันที่ Clubmed Beidahu Ski resort เมือง Jilin ประเทศจีน ใช่ละฮะ ประเทศจีนนี่แหละ ก็มีที่เล่นสกีด้วยเด้อ Beidahu ตั้งอยู่ฝั่งภาคเหนือของจีน อยู่ใกล้ๆกับรัสเซียและเกาหลีเหนือ มีสามฤดูคือหนาว หนาวมากๆ และ หนาวโคตรๆๆ ในช่วงเดือน ธ.ค. – มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ Ski resort จะเปิดให้บริการนั่นเองงงงง

ที่เราไปคือต้นเดือนธันวาคม เพิ่งเปิดซีซั่นเลย หิมะตกสดๆใหม่ๆ อ่านพยากรณ์มาว่าที่รีสอร์ทอุณหภูมิถึง -20 เลยนะ ด้วยความเป็นมนุษย์ขี้หนาว ไปแค่เชียงใหม่ก็หนาวมากแล้ว เคยไปเที่ยวแต่ทะเล เปิดตู้เสื้อผ้ามาก็มีแต่ชุดว่ายน้ำ
พอบทจะได้ไปหิมะ เสื้อกันหนาวที่มีมันก็คงจะต้านทานอุณหภูมิติดลบไม่ได้แน่ๆ ก็ต้องลงทุนกันใหม่หมดเลย หมดไปหลายอยู่ กับมือใหม่หัดหนาว ฮีทเทค ดาวน์แจ๊คเก็ต คืออะไรยังไม่รู้เลยจ้าาา


การเดินทาง

เราเดินทางมากับไชน่าแอร์ไลน์ ต่อเครื่องที่กวางโจว แล้วไปลงที่ Changchun เพราะตอนนี้ยังไม่มีสายการบินไหนบินตรงจากประเทศไทย ออกจาากเครื่องมา จะมีเจ้าหน้าที่จาก Cludmed มารอรับที่สนามบินเลย แล้วนั่งรถตู้ต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงจะถึงรีสอร์ทกลางหุบเขาหิมะ

เพราะรีสอร์ทที่นี่เป็นแบบจ่ายทีเดียวจบ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก กิจกรรม รถรับจากสนามบิน All Inclusive ลงเครื่องมาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเจ้าหน้าที่รีสอร์ทจะดูแลเราทุกอย่างเลยยย

Clubmed Beidahu Ski resort

กิจกรรมต่างๆเอาไว้เล่นพรุ่งนี้ ตอนนี้วิ่งเข้าอาคารไปหลบความหนาวก่อน ไปสิงสถิตที่ “บาร์” บาร์ในห้องนี้มี 2 โซนค่ะ คือ Ula Bar คือบาร์จริงๆ บาร์เครื่องดื่มและแอลกอฮอล (ดื่มฟรีนะจ๊ะ) และอีกบาร์คือ Noodle Bar เป็นบาร์บะหมี่
ที่หิวเมื่อไหร่ก็สั่งมาทานได้ตลอดวัน นี่หนาวๆจากข้างนอกมา ก็ได้พี่บะหมี่นี่แหละ ช่วยชีวิตไว้ ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมา

และบาร์นี้ คือทที่เรามาสิงกันตลอด 3 คืนที่พักใน Beidahu สามารถสั่ง cocktail และ Beer มาดื่มได้ไม่อั้น แต่ยังมีบางเมนูพิเศษที่ไม่ฟรีนะคะ

ในส่วนของห้องพักเราเป็นห้อง Deluxe Room Twin Beds เตียงใหญ่ นิ่ม อุ่น ได้มาตรฐานโรงแรม มีอ่างอาบน้ำ และ ฮีตเตอร์ที่มีจอเตาผิงด้วย 555

เราพักที่ชั้น 3 มองวิวจากห้องในตอนเช้านี่สุดจะบรรยาย ฉันไม่เคยเห็นหิมะเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยแกร๊ ลงไปกรี๊ดๆๆๆ นั่นมันภูเขาหิมะ ที่โคตรย่ิงอลังการ ตื่นตาตื่นใจ แล้วไหนจะบ่อน้ำที่เย็นจนเป็นน้ำแข็งตรงนั้นอีกกก เหยยยย สวยอะ คือเห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมดแหละตอนนี้ เพราะไม่เคยเจอมาก่อน ฮ่าๆๆ

SKI DAY

กิจกรรมหลักที่ตั้งใจมาที่นี่เลยคือ มาลุยหิมะ ไม่ว่าจะเป็นเล่นสกี หรือสโนว์บอร์ด ถ้าใครเป็นมือใหม่ ก็จะมีครูสอนเป็นคลาสๆไป และต้องจองมาก่อนนะ วันจริงเค้าจะได้จัดคิวให้ถูก จากอาคารที่พักเราต้องนั่งรถรีสอร์ทไปยัง Ski Hall ซึ่งเค้าจะขับวนรับส่งไปมาตลอด 5 นาที ไม่ต้องรอนาน แต่ใครจะเดินก็ได้นะ มันไม่ไกล แต่มันหนาว

สำหรับวันนี้ เราเลือกเรียน SKI คอส Beginner สามารถเช่าชุดอุปกรณ์ทั้งหมดได้ โดยแยกเป็น 2 ส่วน 1.เช่าอุปกรณ์สกี จะมีรองเท้าสกี สกี และหมวกกันน๊อค 2.เช่าเครื่องนุ่งห่ม พวกถุงมือ แว่นตา เสื้อ-กางเกงกันหนาวกันลม เราเหมาหมดเลยค่ะ มีอะไรให้เช่าเอามาให้หมด ฮ่าๆๆ ชุดเช่าของผู้หญิงเป็นสีชมพูทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย แอบเขิลนะ ใส่ละกลายเป็นผู้หญิงุงิ ส่วนของผุ้ชายเป้นสีดำล้วน เราเช่าเซตกันหนาวเพิ่มเพราะไม่มั่นใจในเครื่องกันหนาวของตัวเอง เอาแบบชัวๆเช่าจากรีสอร์ทนี่แหละ ใส่ฮีทเทคข้างใน+สเวทเตอร์อีกตัว อุ่นแน่นอน ส่วนอุปกรณ์สกี เค้าจะจัดให้สำหรับแต่ละคนเลย จากไซด์รองเท้า ความสูง น้ำหนัก ก็จะได้ไซด์สกีที่ไม่เหมือนกัน

ระดับ Beginner เค้าจะสอนตั้งแต่การใส่รองเท้าลงไปในสกี การเดินบนหิมะด้วยรองเท้าสกี และการเดินขึ้นเนินหิมะ(ซึ่งยากมากๆๆ) แต่หลังจากได้เรียนเดินแบบทุลักทุเลขึ้นเนินไปแล้ว ได้ตะลูดสกีไหลลงมาคือช่วงเวลาที่ฟินมากที่สุด
(แม้จะไม่กี่เมตรก็เหอะ 555)

แต่หลังจากเราเดินเป็นแล้ว ไหลเป็นแล้ว และรู้วิธีหยุดเป็นแล้ว เราจะได้พบกับนวัตกรรมทางเลื่อน สำหรับขึ้นสโลปแบบไม่ต้องเหนื่อย เพื่อจะได้ไปเล่นสโลปที่ไกลกว่าเดิม ไหลได้ยาวกว่าเดิม ฟินกว่าเดิม ฮี่ๆ

เราว่าเล่นสกีมันก็ไม่ได้ยากนะ ตะลูดไป ตะลูดมา คลาสเดียวก็เล่นได้ละ แต่ยังถือว่าอยู่ในเลเวล 1 คือแค่เล่นได้ แต่ไม่ได้บอกว่ายูเก่งหวะ คือถ้าเก่งเนี่ย มันต้องขึ้นไปบนยอดเขาเลย แล้วทางมันจะชันมากๆ ครูยังไม่อนุญาติให้ไป
ต้องเรียนอัพเกรดเลเวลตัวเองไปอีก 4 คลาสจ้าาา คลาสนึงใช้เวลาครึ่งวัน แบ่งเป็น 2 ช่วงคือช่วงเช้าและช่วงบ่าย อาจจะเลือกเรียนช่วงเช้า แล้วช่วงบ่ายก็ซ้อมๆเล่นๆกันเองต่อ แบบนี้ชิลๆแล้ววันถัดมาก็เริ่มเรียนยากขึ้นไปอีกระดับ ลานสกีที่นี่เปิด 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นค่ะ

นี่โฉมหน้าของคนสอนสกีเรา นางน่ารัก สอนสนุก เป็นคนจีน พูดอังกฤษได้นิดหน่อย แต่ก็สื่อสารกันรู้เรื่องนะ สำหรับสต๊าฟทุกคนที่นี่ เราจะเรียกเค้าว่า G.O. ค่ะ

SNOWBOARD DAY

หลังจากเรียนสกีพอถูไถแล้ว เราเลือกเรียน Snowboard อีกวันนึง ในระดับ Beginner เช่นเดิม เรียนให้รู้ ลองให้หมด จะได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรมากกว่ากัน ครั้งหน้ามาใหม่จะได้เลือกถูก จะสกีหรือสโนว์บอร์ดดี รองเท้าของ Snowboard จะต่างกับ Ski หน่อย และใส่ยากกว่า แต่พอเอามาถ่ายรูปด้วยแล้วรู้สึกคูลกว่ามาก 5555 การลองเล่น Snowboard ครั้งแรก เป็นไปแบบทุลักทุเล ถึงแม้จะดูวีดีโอสอนสโนว์บอร์ดเบื้องต้นมาแล้วก็เหอะ มันยากกว่าสกีมากกกกกกกก คนละสกิลกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นเนิน(เรียนเดินอีกแล้ว) หรือการตะลูดลงมา ล้มแล้วล้มอีก จนก้นระบม ทำไมมันยากอย่างงี้ฟระ ซึ่งอาจารย์ก็ช่วยตลอดนะ แต่สกิลยังไม่ถึงเอง 5555

มีคนบอกมาว่า Snowboard อาจจะยากกว่าแค่ตอนเริ่มต้น แต่พอเล่นเป็นแล้วอะ สนุกกว่าสกีเยอะ ส่วนสกี เริ่มต้นถไลอะ ง่าย แต่จะเล่นให้เก่งอะ ยาก เออ มันก็จริง ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ก็อยากจะเล่นบอร์ดให้เป็นกว่านี้ มันอยู่ที่การฝึกฝนล้วนๆเลย อยู่เล่นมันซัก 3 วันเลยเป็นไง ฮ่าๆๆ ถ้าจะให้แนะนำนะ สำหรับ Beginner ที่มีเวลาน้อย(1วัน) แต่อยากเล่นอะไรสนุกๆ ก็เริ่มที่สกีดีกว่าค่ะ ถ้ามีเวลาเยอะหน่อย ชอบความท้าทาย เล่นไม่ได้ก็จะพยายามให้มันได้ ควรจะเริมเรียนบอร์ดตั้งแต่วันแรกเลย เล่นซัก 2-3 วันก็น่าจะขึ้นสโลปได้ละ การเอาชนะความยากได้นี่ มันจะฟินมากๆเลย มารอบต่อไป ไม่พลาดแน่ๆ จะเล่น snowboard ให้เป็นจงได้ ตอนนี้ยังยืนบนบอร์ดไม่ได้ ก็เล่นแบบนั่งเอาแล้วกัน ขี่สโนว์บอร์ด

จะเห็นว่าจุดที่เราเรียนสกีและสโนว์บอร์ดระดับ Beginner มันอยู่แค่ตรงตีนเขาเอง สำหรับใครที่โปรแล้ว ก็สามารถขึ้นกระเช้าไปบนยอดเพื่อถไลบอร์ดลงมาได้ บนยอดนั้นมีระดับความสูงจากน้ำทะเล 1400 เมตร และไม่ได้มีแค่ยอดเดียวที่เล่นได้นะ มีทั้งเทือกเลย ซึ่งถ้ารวมๆเส้นทางถไลทั้งหมดของรีสอร์ทนี้ก็ยาวถึง 25 กิโลเมตรเลยเด้อออ เห็นความยิ่งใหญ่ของที่นี่รึยังหละ เดี๋ยวเราจะพานั่งกระเช้าขึ้นไปดู

แค่ระหว่างทางบนกระเช้าก้ประทับใจมากๆแล้ว ภูเขาขาวโพลนนไปหมด สวยจนน้ำตาจิไหล บนยอดเขานั้น จะมีคาเฟ่ไว้จิบกาแฟให้ไออุ่น และโปรทั้งหลาย กำลังเตรียมตัวลงสโลปชันๆนี้ เห็นแล้วยังหวาดเสียว เพราะมันชันมากๆ
และวิวตรงนี้ก็อลังการมากๆ

ทีนี้เราลองเดินออกไปอีกทางนึงบ้าง เป็นทางเดินป่า ที่มีหิมะหนาเกือบท่วมแข้ง และเกร็ดหิมะบนยอดต้นไม้ จนเกือบเป็นต้นไม้สีขาว เวลาแสงส่องมาระยิบระยับ เหลี่ยมตา ถ้าอยากเห้นหิมะเกาะต้นไม้แบบนี้ต้องรีบมาถ่ายช่วงเช้า เพราะตอนบ่ายมันก็จะละลายหายไปละ เหลือแต่หิมะบนพื้น

เป็นธรรมดาอะเนอะ สำหรับคนเห้นหิมะครั้งแรก ต้องมีลองกินลองชิมกันบ้างแหละ 555 อยากจะลองกินกับเฮลบลูบอยจริงจริ๊งงง

ช่วงบ่าย หิมะเริ่มละลายจากต้นไม้ เหลือแต่กิ่งไม้แห้งไร้ใบ มันก็ได้อีกฟีลนึงนะ แต่ความหนาวยังคงเดิม คือ -15c ดีใจที่ยังรอดกลับมาได้ ดีใจที่ซื้อฮีทเทคและผ้าปิดจมูกก่อนมา ดีใจที่ซื้อเสื้อและถุงมือแบบกันลมได้ด้วย ดีใจที่กินยาแก้แพ้อากาศกันไว้ ก็เลยรู้สึกหนาวแบบสบายๆ แค่น้ำมูกไหลนิดหน่อย รู้สึกชนะ 5555

the Lodge

หลังจากเล่นสกีเสร็จ จุดพักรบที่ดีที่สุดคือห้องอาหาร ” the Lodge “ เราฝากท้องกับที่นี่ทุกวันทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็น อย่ากลัวว่าจะเบื่อ เพราะอาหารที่นี่มีมากกว่า 50 เมนู เป็นบุฟเฟ่ตักได้ไม่อั้น แถมยังเปลี่ยนทุกวันอีกด้วย มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารยุโรป ซาชิมิ สเต็กงี้ แต่ที่อยากให้ลองคืออาหารจีนนี่แหละ มาจีนทั้งที มาลิ้มรสแบบจีนแท้ๆบ้าง อร่อยถูกปากคนไทยค่ะ

นอกจากอาหารบุฟเฟ่ใน The Lodge แล้ว ยังมีอีกตัวเลือกนึงคือเซต hot pot ซึ่งอยู่คนละส่วนกับห้องอาหาร ต้องจองล่วงหน้าก่อนด้วย เดินดุ่มๆเข้ามาสั่งไม่ได้นะ เพราะมันจะเต็ม ใครไม่เคยกิน Hot pot จีนหนิอยากให้มาลองเลย ด้วยความที่พี่จีนเค้าพิถีพิถันเรื่องอาหารการกิน น้ำจิ้มเนี่ย ก็ต้องปรุงเองนะค้าา แล้วด้วยความงงของคนไม่เคย เค้าจะมีถ้วยน้ำจิ้มให้เดินไปปรุงที่ส่วนกลาง ตรงนั้นจะมีเครื่องปรุงอยู่เป็นสิบถ้วย ให้ตัดมาผสมเอง โถ่พี่คะ ไม่รู้จะปรุงยังไงเลย เพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่มันก็ลุ้นๆดีนะ ว่ารสชาติจะออกมาเป็นยังไง โชคดีที่มีสัญชาติญาณแม่บ้านอยู่บ้าง ปรุงน้ำจิ้มได้อร่อยถูกปาก(แค่ตัวเอง) อิอิ

นอกจากเล่นสกีแล้ว มีเวลาว่างเหลือๆ ลงมาฟิตเนสเล่นโยคะก็ได้นะ ที่นี่มีเทรนเน่อที่ไม่ธรรมดา อิมพอร์ทมาจากแคนาดาเลยนะตัวเธอ

หรือจะอยากผ่อนคลายด้วยสปา หลังจากเหนื่อยสกีมาทั้งวัน ซึ่งในส่วนนี้จะไม่รวมในแพคเกตนะคะ ต้องจ่ายเพิ่มเติม มีหลายแพคเกตให้เลือก ทั้งแบบครอบครัว สำหรับนวดพร้อมกัน คุณพ่อ คุณแม่ และลูก หรือแบบ Ski Lover พิเศษที่นักสกีต้องชอบ โดยจะเน้นส่วนกล้ามเนื้อหลังและขา รวมไปถึงใช้เชียรบัตรเตอร์ และน้ำมัน ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิว ที่แห้งจากอากาศหนาวด้วย

อีกโซนหนึ่งที่เราชอบมากคือ โซน Entertainment มีทั้งคาราโอเกะ โต๊ะปิงปอง โต๊ะไพ่นกกระจอก โต๊ะสนุ๊ก กระทั่งห้องดูหนัง คือมันเป็นแหล่งรวมตัวทำกิจกรรม เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวหรือเพื่อนรักได้ดีมาก

ส่วนถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากออกไปเล่นสกีหรือจ้ำจี้ แต่ติดที่เจ้าตัวเล็กไปด้วยไม่ได้ เค้ามีที่โซนเด็ก ไว้ฝากลูกๆ ด้วยค่ะ เด็กๆที่เข้ามาในนี้ไม่ได้แค่มานั่งเล่นอยู่เฉยๆนะ มีลานสกีส่วนตัวและชุดไซด์เด็กๆๆไว้ให้เล่นด้วย เอ้อ ละก็มีเตียงให้นอนด้วยจ้าาาา

ENTERTRAINMENT

ในทุกๆคืน เหล่า G.O จะมีการแสดงเพื่อเอนเตอร์เทนแขกที่มาพัก ตั้งแต่ สองทุ่มครึ่งถึงเกือบสี่ทุ่ม ที่ Mini Club ใกล้ๆกับ Ula bar ที่เราดริ๊งกันทุกคืนนี้แหละ ทั้งร้องเพลงสด หรือโชว์เต้น Cover มีการเรียกแขกออกมาร่วมฟลอคึกคักกันใหญ่ เด็กก็เต้น ผู้ใหญ่ก็เต้น เราก็ออกไปเต้น 5555 แต่ละคืนก็จะมีคอนเสปการแสดงและการแต่งตัว ต่างกันไม่ซ้ำแต่ละวัน อาบถามมา เค้าว่ามีเซตการแสดงทั้งหมด 7 ชุดสำหรับ 7 วัน และเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 2 เดือน เพราะฉะนั้นกรุ๊ปที่มาพัก ไม่ได้เห็นโชว์ซ้ำๆแน่นอน นอกจากจะอยู่เกิน 1 อาทิตย์

ในคืนวันสุดท้ายนี้ จะมี AFTER PARTY ส่งกรุ๊ปพวกเรากัน กลุ่ม G.O ที่ดูแลเราตลอด 4 วัน พวกนางน่ารักและเฟรนลี่มากๆ ปาร์ตี้กันยาวๆไปเลยจ้าาคืนนี้ จะเห็นว่า G.O จะมีหลายเชื้อชาติเลยนะ เยอรมัน แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ โคเรีย รวมถึงประเทศไทยก็มี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลยเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เราว่าที่นี่เหมาะกับการมาเที่ยวแบบครอบครัว หรือจะมากับเพื่อนๆแบบเรานี่ก็สนุกดีเหมือนกัน มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันหลากหลาย ไม่มีเบื่อแน่ๆ ถ้าใครกำลังมาหาที่เล่นสกี หรือสโนวบอร์ด ลองให้ Club Med Beidahu เป็นตัวเลือกดู
ลบภาพจีนแบบที่เคยเห็นออกให้หมด เพราะที่นี่มันไม่เหมือนกัน ได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน

 และนี่ก็คือทริป Clubmed Beidahu ประเทศจีน
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่า

ต้นอ้อ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดทริปได้ที่
https://www.clubmed.co.th
https://www.facebook.com/ClubMedThailand/?ref=br_rs
TEL : 02 268 8448

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
วังเวียง จุดเริ่มต้นของ Backpacker ไทย | VANGVIENG, LAOS