HELLO! CAMBODIA | สวัสดีกัมพูชา ฉันจะพาไปทะเล (Chapter 2 : KOH RONG! HERE WE ARE)

ต่อจากตอน ON THE WAY ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนจะมาถึงที่นี่
คลิกกลับไปอ่าน ตอนที่ 1 บันทึกการเดินทางจากกรุงเทพไปเกาะกง ประเทศกัมพูชา

ก้าวเท้าแรกออกมาจากเรือ
สัมผัสได้ถึงเสม็ดเบาๆ
เหมือนเราข้ามน้ำข้ามประเทศหลายวันมาเจอหาดทรายแก้วเกาะเสม็ด
เราหมายถึงมีร้านริมหาดเยอะๆเหมือนกัน แต่น้ำใสกว่า สะอาดกว่า
ที่นี่ไม่มีถนน ไม่มีรถ มีแต่เดินกับเรือเท่านั้น
และจะปั่นไฟให้ใช้แค่ตอน 6โมงเย็น – 4  ทุ่ม
ยกเว้นวันปีใหม่ จะปั่นไฟให้ทั้งคืน

พอออกจากท่าเรือ เลี้ยวซ้ายเป็นโซนหมู่บ้านชาวเกาะ เลี้ยวขวาเป็นโซนที่พักต่างๆ
มีที่พักราคาตั้งแต่ $7-$70
คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวฝรั่ง และหาดนี้ก็ดูเล็กกว่าทรายแก้วเยอะ
เดินแปปเดียว ก็สุดหาดละ

 


 


แต่นั่นแหละ ปัญหาของเราต่อมา

หาดเล็กๆ ทำให้มีที่พักไม่เยอะด้วย
เราไม่ได้จองที่พักมาก่อนไง จองไม่ทัน
เพราะช่วงนี้เป็นเทศกาลปีไหม่ โคตรจะ High Season
ที่พักใน booking / agoda เต็มแน่นอน

นึกเสียดายอยู่ในใจว่าทำไมไม่เอาเต๊นท์มาว๊าาา
เราว่าเราก็ไม่ซีเรียสกับที่นอนละนะ แต่เม็ดหนักกว่า ชีบอกว่า

“เอางี้มั้ยพี่ต้น ไปยืมเสื่อชาวบ้านมานอนกลางหาดกันเลย?
ไหนๆ countdown ก็ทั้งคืนไม่ได้นอนอยู่แล้ว”

“…เอ่อ….เมล็ดคะ เมิ งก็โหดป๊ายยยย”

แต่เราสองคนก็ลองเดินหา ที่เช่าเต้นท์/เสื่อนะ แต่หาไม่ได้ 555
สุดท้ายก็มาได้เกสเฮ้าชาวบ้าน ที่ไม่มีใน agoda หรือ booking
เป็นห้องพัดลม เล็กๆ ไม่มีหน้าต่าง ห้องละ $15ต่อคืน ห้องน้ำรวม
เป็นเกสเฮ้าที่ได้ยินทุกเสียงที่คนคุยกัน ทุกฝีก้าว ทุกการขยับ
แม้กระทั่งนอนก็ได้ยินเสียงเตียงเอียดออด ของห้องข้างๆ (อย่าคิดลึก)

kohrong_064

 



ช่วงเวลา Free time

คือช่วงที่เราชอบมากที่สุดเวลาได้อยู่ต่างถิ่น
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ มันจะไม่อยู่ใน Plan
ซึ่งเวลาวางแผนทริปเที่ยวต่างๆ เราจะเว้นช่องว่างใน plan แบบนี้อยู่บ่อยๆ
(บางทีก็เว้นเยอะไป บางทีก็ขี้เกียจ 555)
เราจะไม่รีบ เราจะไม่เร็ว เราจะไม่กำหนดว่าเราต้องทำอะไร

ให้ความรู้สึกในตอนนั้น มันบอกเราเอง

หลังจากนี้
เราจะใช้เวลาบนเกาะนี้ 2 คืน แบบ freetime

“ ออกไปเดินเล่นกันมั้ย แก”


“หิวหวะพี่ ซื้อกล้วยแพร๊บบบบ~”
“แถมแหนมให้ชิมด้วยได้มั้ยคะ”

kohrong_069

 

 

“ขี้เกียจเดินแล้วหวะแก ไปนั่งชิลริมหาดปะ”
“เออๆ ซื้อเบียร์ไปด้วยเนอะ”


“เออแก แอบเห็นป้ายร้าน CoCoBar มีโปรโมชั่น cocktail ซื้อ 1 แถม 1 พอดี ไปมะ”
“รีบเลยพี่  หมดโปร 2 ทุ่มนะ”
“งั้นสั่งตุนไว้เลยแก Cocktail Mijito 4 / long island 4 หมดเวลาเดี๋ยวไม่คุ้ม”

(คำนวนเป็นเงินไทยจะเหลือประมาณแก้วละ 20 บาทเองงง)

kohrong_072
“ ไม่ไหวๆๆๆ วันนี้น้องไม่ไหวละพี่ ขอตัวไปนอนนะ ”
“ ใครบอกให้สั่งเยอะขนาดเน๊ฟระ ”

สรุปว่า
กินเสร็จกลับห้องนอน ตั้งแต่ 4 ทุ่มค่ะ
ง่วงไม่ไหวแล้ว ดื่มคุ้มเกินไปหน่อย – -“

ไม่เจียมไง :P

แต่ก็ดีนะ
ไฟตัดตอน 4 ทุ่ม ก็ไม่รู้จะทำอะไร นอนดีกว่า


 

 

วันที่ 31 ธันวาคม 2557

วันนี้ว่าจะไปทัวร์หาดอื่นบ้าง
เพราะจากการ Surway เมื่อวาน
เห็นป้ายบอกทางไป หาด Long Beach
ก็เลยถามคนแถวนั้นดู
เค้าบอกเป็นหาดทรายที่ยาวมากกกก ถึง 7 กิโลเมตรแหนะ
และต้อง trekking ข้ามเขาลูกนี้ไป เดี๋ยวก็ถึงแล้ว

เรา ผู้ที่ไม่ได้เดินป่ามานานหลายปี ล่าสุดน่าจะตอนเรียนเนตรนารี
มองภูเขาลูกนี้แล้วก็ท้อใจ

“ซื้อทัวร์รอบเกาะแทนมั้ยแก เห็นละเหนื่อยยยย – -“
“ไม่ได้พี่! backpackเที่ยวไม่ง้อทัวร์ มาขนาดนี้แล้ว แค่เขาลูกเดียวกลัวอะไร”

น่านง่ะ มาบิ๊วกุอิ๊กกกก
“เออๆ เดินก็เดินวะ”

ความจริงคือนางลืมกดเงินมาไง ไม่มีตังซื้อทริปเรือ 555 ทำเป็นบิ๊ว โถ่
บนเกาะไม่มีตู้เอทีเอ็มนะ แต่มีโต๊ะกู้เงิน!!!
ใครไม่มีเงินก็คุยกับพี่หนวดเฝ้าโต๊ะกู้ได้ แต่ต้องคืนตอนถึงฝั่งนะ

ณ ปากซอยทางไป long beach เลี้ยวขวาไปเลย

kohrong_073
ระหว่างทางช่วงแรก เป็นทางขึ้นหินเล็กเบาๆ ต่อด้วยทางเดินเล็กๆในป่าทึบ
และจะมีป้ายเตือนเป็นระยะๆ
ห้ามเดินคนเดียวเด็ดขาด / ระวังลูกมะพร้าวตกใส่ / ระวังงู / ระวังสัตว์ป่า

เรากับเม็ดเดินกันอยู่สองคนก็เริ่มหลอนๆละ
ถ้าเป็นไรขึ้นมาจะทำไงวะ
ทำไมชอบเอาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยงอันตรายด้วยเนี่ย ไม่เข้าใจ
ถ้าหกล้มนี่เบาะๆ แต่ถ้าเจอสัตว์เลื้อยคลานมานี่คงตกใจตาย ก่อนโดนกัด
ในหัวนี่นึกภาพการปฐมพยาบาลเบื้องต้นตลอดทาง
มันคงเป็นวิธีการตั้งสติมาปัญญาเกิด ที่มีประโยชน์กว่าการท่องบทสวดมนต์ต้องรอด ณ เวลานี้

พอเดินได้ประมาณครึ่งชม ก็เจอทางแยก
ยืนเอ๋อเลย แล้วไปทางไหนวะเนี่ย
เหมือนจะเป็นส่วนเนินสุดของเขาพอดีด้วย
เราสองคนเลยตัดสินใจนั่งพักเหนื่อยก่อน
เพราะเดินขึ้นเขามาตลอด และเหนื่อยมาก
บวกกับใส่รองเท้าแตะเดินกันด้วย ยิ่งเมื่อยและปวดทีน

ใครบอกว่าแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ถึงฟระ
เหนื่อยแล้วพาลมากตอนนี้ บ่นๆ

ซักพัก ก็มีผู้ชายฝรั่งสองคนเดินขึ้นมา
เราได้ที เลยขอเดินไปด้วยกัน ค่อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย
ที่ทางแยกนี้ เค้าบอกทางนึงเป็นทางที่เดินง่ายๆแต่ไกลกว่า
กับอีกทาง เป็นทางยาก ชัน สูง ปีน แต่ถือว่าลัดกว่ามาก
แน่นอนว่า ผู้ชายสองคนนั้น เลือกทางที่สอง
และเราก็ตามน้ำไปด้วย เพราะถ้าเจองู สองคนนั้นคงช่วยอะไรเราได้บ้าง

kohrong_076
ถัดจากป้ายนี่คือ ของจริง!!!
“Welcome to windy stone”
ปีน เกาะ คลาน ไต่เชือก โดดหิน โหนต้นไม้ ก็งานนี้แหละ

รองเท้าแตะขาดดดดดดจนได้!!!
(ของเม็ด)

 


 


จากความพยาม 1 ชม.กว่ากับการเดินป่าปีนหิน

และแล้วก็ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
โปรดเข้าใจความเหนื่อยของคนไม่ค่อยออกกำลังกายด้วยค่ะ 555
แค่ 1 ชม ก็เหนื่อยมากแล้ว

LONG BEACH :)

เรามาถึงทะเลแคมโบเดีย ลองบีช เกาะรง อย่างที่ตั้งใจไว้ได้แล้วนะ :)
MISSION COMPLETE!!!

น้ำทะเลใสมวากกกกก
ถ้าเทียบกับหาดที่ท่าเรือนี่คนละเรื่องเลย
ของท่าเรือจะสีฟ้าเขียวเข้มๆ แต่ที่นี่จะออกฟ้า Turquoise สว่างตา ฟรุ๊งฟริ๊ง
เราว่า long beach เทียบกับสิมิลัน ตาชัยได้เลยนะ (มั้ง)
ทรายที่ยิ่งกว่าความขาว คือความละเอียด
ละเอียดขนาดที่ว่า เดินแล้วมีเสียงเอี๊ยดๆอะ
อันนี้เราอึ้งมาก ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
คือเดินยากมาก มันนิ่มจนเท้าจมลงไปในทรายเกือบถึงข้ออะ
ต้องไปเดินใกล้ๆน้ำทะเล ทรายจะแน่นขึ้นละเดินง่ายหน่อย

เป็นหาดที่ยาวมากๆ สงบมากๆ
เราออกมาจากป่าที่สุดชายหาดฝั่งนึง
แต่ที่สุดปลายหาดอีกฝั่งห่างไป 7 กิโลเป็นหมูบ้านชาวเกาะ
ได้ยินมาว่าหลังหมู่บ้านจะมีน้ำตกและ lagoon ด้วย

พอออกจากป่ามาแล้วจะเจอบาร์นึง ของที่พักแห่งเดียวใน long beach (นอกนั้นป่าตลอดหาด)
เป็นบาร์ขายเบียร์และน้ำเปล่า ซึ่งก็ชาร์ทราคาเพิ่มอีกเท่านึง
แต่ก็มีทางเลือกให้ คือแบบน้ำเปล่ารีฟิวเอาขวดไปเติม 25cent
นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังลดขยะได้ด้วย
การกำจัดขยะบนเกาะ มีแค่วิธีเผาจะเร็วสุด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ใครจะมาเก็บขยะในที่ที่ไกลสุดหาดขนาดนี้
เอาขวดที่หมดแล้วมาเติมใหม่ และเก็บขวดไว้ไปทิ้งที่ฝั่งจะดีกว่า

 


 

 

เรา เมล็ด และเพื่อนฝรั่งสองคนที่พาเรามาจนถึงที่นี่

(จำชื่อไม่ได้ แต่คนนึงมาจาก New york มืดๆหน่อย
อีกคนมาจากไหนก็จำไม่ได้ เคยมาแลกเปลี่ยนที่ไทยแต่พูดไทยไม่ได้
หน้าเหมือนจัสตินบีเบอร์เลย แอร๊ย >.<)

เราจัดแจงเตรียมพื้นที่ นั่งล้อมวงกัน
ฮีนิวยอร์คเรียกจัสตินมา “complete the circle” กัน (ชอบศัพท์นี้)

ต้องขอขอบคุณ เม็ดนุ่น สวยทุกเมล็ด ผู้ยอมสละรองเท้าแตะ
เพื่อแบกกล้วยหวีที่ซื้อเมื่อวาน ฝ่าด่านขึ้นเขามาด้วย
ชีกะจะเอามาเป็นพร๊อพถ่ายรูปริมหาด
แต่ตอนนี้ กล้วยนั่นได้เป็นทูตสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและชาวต่างประเทศ
แทนการขอบคุณที่พาชะนีมาถึงจุดหมาย
และต่อมาวงเราก็กลายเป็นปาร์ตี้กล้วย เพราะเราแบ่งให้คนแก๊งอื่นๆด้วย
เรารู้ว่า ถ้าเค้าเดินมาถึงนี่ได้ ต้องเหนื่อยและหิวมากแน่ๆ
สวยไปอี๊กกกกก

(แต่เอ๊ะ หลายคนมันก็นั่งเรือมาได้นี่หว่า ไม่ได้ฟิตเดินข้ามเขามาแบบเรา 555)
กลับมานึกอีกที น่าจะเอากล้วยมาขายเนอะ ซักลูกละ $1 เห็นขอกันจังอะ
kohrong_084
หลังจากนั้นก็ทำกิจกรรมต่างๆ ที่คนมาทะเลเค้าจะทำกัน
นอนริมหาด อาบแดด(ในร่ม) เล่นน้ำ ถ่ายรูป อะไรก็ว่าไป
ชิลสลัสเลยหละ เหมือนหาดส่วนตัว ไม่มีร้านค้าหรือป้าถอนขนอะไรทั้งนั้น

เป็นช่วงที่รู้สึกว่าผิวแทนแล้วเท่มาก

ถ่ายรูปกันมันส์ จากโกโปรปลอมของเมล็ด
เอาขึ้นมาถ่ายบนบกไม่ได้เลย อย่างเบลอ


 


นิวยอร์คและจัสติน ทนหิวไม่ไหว

พวกฮีเลยขอตัวเดินกลับเข้าป่าไปหาอาหารที่หาดท่าเรือ
เรากับเม็ด เลยคุยกันว่าอยากเดินไปหมู่บ้านสุดหาดหวะ อยากดูน้ำตก
คำว่า 7 กิโลตอนนั้นดูไม่ไกลเลย
เพราะมันเห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆ เหมือนจะเดินเรียบหาดไปง่ายๆ

ก็เลยเดิน…

ข้างทางจะมีคนมาสร้างกะต๊อบไม้อยู่ด้วย เป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง
เหมือนเค้ามาเพื่ออยู่แบบ castaway จริงจังมาก
ไม่มีอินเตอร์เนต ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีคนวุ่นวาย
บางกระต๊อบถึงกับ Naked ไม่ใส่อะไรกันเลยทีเดียว
มีฟ้าเป็นมุ้ง มียุงเป็นเพื่อน
เค้าดูมีความสุขกับที่นี่มาก

อะไรทำให้เค้าคิดจะมาอยู่แบบนี้วะ?
ชีวิตจริงๆที่ไม่ใช่ที่นี่ เค้าเป็นยังไง
คงจะมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้วหรือปล่าว
หรือเค้าไม่ได้มีอะไรเลย

kohrong_098

 


 

1 ชั่วโมงผ่านไป….

“แก ทำไมมันไกลอย่างนี้วะ”

7กิโล ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพคือเหมือนเดินจากพารากอนไปจตุจักรอะ
แล้วยิ่งเดินบนทรายเอี๊ยดๆ นี่ยิ่งเหนื่อยไปอีก
ทำไมตอนนั้นเราไม่ได้คิดเรื่องนี้ !!!
กล้วยก็หมด แรงก็ไม่มี แดดก็ร้อนแผดเผา เหนื่อยแล้วอะแกรร
เราเดินมาได้ประมาณ 60% แล้ว จะกลับก็เสียดายเดินมาเกินครึ่งทาง
ถ้าจะเดินไปต่อ เดี๋ยวก็ต้องเดินกลับทางเดิมอีก จะมีแรงมั้ย
เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก

แต่เราก็ตัดสินใจเดินต่อ

kohrong_099

 


 

 

ที่ระยะทาง 70% ของหาด

เราเห็นร้านอาหารร้านนึง
เป็นซุ้มไม้เล็กๆ และมีที่นั่งชายหาดประมาณ 3-4 ตัว
มีเรือมาจอดกิน แต่ไม่มีคนเค้าเดินมากินหรอกนะ ยกเว้นเรา555
ก็เลยตัดสินใจหยุดพักที่นี่ก่อน

ตอนแรกก็อยากเดินไปให้ถึงหมู่บ้านอยู่นะ
พอได้นั่งพักเท่านั้นแหละ
ขี้เกียจทันที
555

จำได้ว่าเรานั่งๆนอนๆกินข้าวกินเบีย
ละอ่านหนังสือ อยู่ตรงนั้นนานมาก
จนหลับไปตอนไหนไม่รู้

ไม่ได้พูดเล่น หลับเว้ย หลับจริงๆ!

ใครจะคิดว่ามาเที่ยวแล้วต้องตื่นเช้า อย่านอนเยอะ ต้องใช้เวลาให้คุ้ม
ฉันได้ทำลายกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นในหัวตัวเองทิ้งไป
นอนฝันกลางวันเฉยเลยจ้าาา


 


รู้สึกตัวอีกที

คือ ได้ยินเพลง “home” ของ Edward Sharpe & The Maganetic Zeros

“Ho~home… let me come home
home is wherever I’m with you ~~~”

เพลงโปรดเลย  นึกว่าฝันไป

มีชายคนนึง เล่นอูคูเลเล่ ร้องเพลง เดินมาแถวนี้
ใส่เสื้อเล กางกางเล ผมหยิกมีหนวดรุงรัง
คือ ถ้าไม่เห็นว่าเค้าเดินมาสั่งอาหารที่นี่
คงจะคิดว่าเค้าเป็น homeless หรือคนบ้าหละ

เราทักทาย พูดคุยกับหนุ่มอูคูเลเล่คนนี้
เค้าเลยมานั่งกินข้าวโต๊ะเราเลย 555
ฮีมาจาก California แดนฮิปปี้
ตั้งเต๊นอยุ่คนเดียวที่หาดนี้ประมาณกิโลเมตรที่ 3 จากฝั่งป่า

เราขอให้เค้าสอนอูคูเลเล่ เพลง “home” ซึ่งมีอยู่ 2 คอร์ด ง่ายจุง
พอเราเล่นพอได้ รู้จังหวะปุ๊ป ฮีก็ไปหยิบขลุ่ยมาจากไหนไม่ร็ขึ้นมา
แล้วก็เป่าคลอเป็นเพลงไปด้วยกัน
ส่วนเม็ดเป็นคนร้อง 555

เห้ย มันเป็นเพลงเว้ย!

ตื่นเต้นและดีใจมาก
เราทำงานอยู่ค่ายเพลงก็จริงแต่เราเล่นดนตรีไม่เป็น ฮ่าๆๆ
มันเป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง มันเหมือนเราคุยกันอยู่
แต่เปล่า เราไม่ได้คุย ดนตรีกำลังคุยกัน
ถึงจะคนละภาษา แต่ดนตรีมันเป็นตัวเชื่อมทำให้เป็นภาษาเดียวกันได้

 


 


พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

เรา 3 คน กำลังเดินกลับไปยังจุดเริ่มต้นของ Long beach ที่ที่เราเดินจากมา
แต่ครั้งนี้ เรามีเสียงเพลงคลอตลอดทาง
ทำไมรู้สึกเหมือนมันใกล้กว่าขามาเยอะเลย

พระอาทิตย์ตกวันนี้สวยมาก
ไม่รู้ว่าสวยเพราะฤดูนี้เป็นช่วงฟ้าเปิด
หรือว่าสวยเพราะความสุขของเราในตอนนี้กันแน่
เป็นแสงอาทิตย์สุดท้ายของปี
เป็นเหมือนภาพในฝัน
เป็นความทรงจำดีๆที่ไม่มีวันลืม

เราขอให้เค้าร้องเพลงตัวเองให้ฟัง ละก็อัดไว้
ชอบที่มีเสียงคลื่นทะเลเป็นแบกกราวคลอเบาๆ :)
ปล. เราก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ฟิลลิ่งมันมาาา 555

 


เมื่อเดินกลับมาที่สุดหาดปากทางเข้าป่า

ถ้าจะปีนเขากลับทางเดิมคงไม่ได้แน่ๆ มืดแล้ว เดี๋ยวจะได้เจอยิ่งกว่าสัตว์ป่า
เราเลยขอติดเรือหางยาวของนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นกลับหาดด้วย
ด้วยราคา 2 คน 5 ดอลล่า
ต่อราคามาจากคนละ 5 ดอล

แต่จุดนี้ คำว่า “อ๊อดเมียนโร๊ย”(ไม่มีตังค์) ช่วยเราไว้ได้ 555


 


กลับมาที่หาดท่าเรือ

มืดแล้ว เข้าห้องไปอาบน้ำ แต่งตัว
เพื่อเตรียมตัว countdown ปีใหม่ในคืนนี้
โดยตั้งปฏิญาณไว้ว่า จะต้องอยู่รอดให้พ้นเที่ยงคืนให้ได้

เราบังเอิญค้นพบร้านอาหารหนึ่ง
อยู่ในซอยทางเข้าป่า long beach
เริ่มต้นที่ $1 เลยจัดเป็น dinner ซะหน่อย
เบอร์เกอร์ มาม่าผัด ผัดไท ข้าวผัด อร่อยสไตล์แคมโบเดีย
ถือเป็นมื้อที่ถูกมาก ภูมิใจนำเสนอเลย
หลังจากดินเนอร์เสร็จ
ตอนนี้ก็เลยเวลาโปรโมชั่นเครื่องดื่มร้านต่างๆแล้ว
เราเลยต้องจัดแบบราคาเต็มกันหน่อย

บรรยากาศก่อนปีไหม่ของที่นี่ เราว่าไม่ต่างจากพงันเท่าไหร่
เป็นที่รวมฝรั่ง ปาร์ตี้ รั่ว มั่ว ขี้เมา จริงๆ
แต่แค่เล็กกว่าพงันมาก มีหลายบาร์นะ แต่คนเยอะอยู่แค่บาร์เดียว
แน่นอนว่า เราก็อยู่ที่นั้นแหละ เพราะมันเป็นบาร์ข้างที่พักเรา

นับถอยหลังสู่ปีไหม่นะ
5
4
3
2
1

แล้วพี่ดีเจก็ยื่นไมค์มาให้เราเฉยเลย!!!!

เพราะเราดันยืนอยู่หน้าบูธดีเจ – -”
เห้ยยย ไมค์มาแล้วต้องพูดใช่มั้ย
ตั้งสติไม่ทัน เลยพรวดออกมาว่า

“HAPPY NEW YEAR สองพันสิบห้าาาาาา”

เวรละ ภาษาไทยหนิ
ฝรั่งงงแน่ๆ อายชิหาย
แต่ไม่ทันจะได้แก้อะไร มีฝรั่งหยิบไมค์จากมือเราไปแล้วพูดต่อ แบบบิ๊วๆ อวยพรๆ
คือมันก็ไม่ได้มีใครสนใจคนพูดออกไมค์ขนาดนั้นหรอก (หวังว่าจะอย่างนั้น)
หลังจากนั้นก็ เฮฮาครึกครื้น ทุกคนมากอด มาหอมแก้ม แล้วบอก happy new year
แก๊งที่เจอกันที่ long beach ก็มาที่นี่กัน
และ พวกเราก็ Let’s party กันต่อเลย
kohrong_109

แล้วก็นึกถึงพวกที่อยู่ที่ long beach
เงียบๆ มืดๆ แต่ละเต้นท์ตั้งไกลกันมาก

จะเป็นยังไงบ้างนะ
พวกเค้าจะตื่นเต้นว่าเป็นวันปีไหม่เหมือนเรามั้ย
เค้าจะนับเค้าดาวน์กันมั้ย
เค้าทำอะไรกันอยู่


 

วันสุดท้าย

วันนี้เป็นวันเดินทางกลับแล้ว
ต้องตื่นเร็วหน่อยเพื่อไปขึ้นเรือกลับฝั่งสีหนุวิลล์รอบ 10 โมง
แต่แล้ว ขณะกำลังจะเดินออกจากที่พัก

“รองเท้าแตะหายไปไหน?!?!?!?!”

แกจำได้มั้ย ว่าเมื่อคืนถอดรองเท้าไว้ไหน
โอ้ยยยย จำไม่ได้ๆๆๆๆ
รองเท้าแตะคู่ใจสีส้มเขียวของช๊านนนน
เป็นพร๊อพถ่ายรูปมาตลอดทั้งทริป เซงงงอ่ะ
แต่ทำไรไม่ได้แล้วหละ เดี๋ยวจะขึ้นเรือไม่ทัน

ฝากไว้ก่อนนะ! รองเท้าแตะของต้นอ้อและเมล็ดนุ่น


 


กลับมาที่สีหนุวิวล์อีกครั้ง

เพื่อไปขึ้นบัส 12.30 ไปต่อรถกลับไทยที่เกาะกง
และต้องข้ามไปขึ้นรถตู้ไปตราดที่ด่านก่อน 6 โมง
ต่อรถตู้จากตราดกลับ กทม
พรุ่งนี้เช้าจองตั๋วเครื่องบินไว้กทม.กลับบ้านขอนแก่น

แต่เหตุการณ์มันก็ไม่ได้เป็นดังที่วางแผนไว้
เมื่อรถบัสมาเลท เกือบ 2 ชั่วโมง!!!

และพอออกมาได้ซักพัก
ครอบครัวชาวอินเดียก็ดันลืมกระเป๋าไว้ที่สถานีรถบัส
เค้าก็นั่งวินมอไซด์กลับไปเอา อีก 1 ชั่วโมง!!

คุณพระ
สถานการณ์เริ่มแย่ แผนที่วางไว้อาจจะต้องล่ม
ได้แต่ภาวนาให้ไปเกาะกงให้ทันก่อนด่านปิด
เราไม่ต่างอะไรไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นบนรถ ที่นั่งเซงเหมือนกัน

(เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบยิงยาวเข้ากรุงเทพนะคะ
เพราะมันจะมีรอบ 5 ทุ่ม ถึง 5 โมงเย็นวันถัดไปแค่รอบเดียว
เราเลยเลือกต้องไปต่อรถเอง กลัวจะไม่ทันขึ้นเครื่องวันถัดมา)

 

เด็กคนนี้คือลูกของชาวอินเดียที่ลืมกระเป๋า
นางนั่งงอแงอยู่หลังเบาะเราเลย
ก็เลยโผล่ไปเล่นถ่ายรูปด้วย จะได้เงียบๆซักที

ขนตาฟรุ๊งฟริ๊งอะ  >.<

kohrong_114

 


 


รถบัสมาถึงเกาะกงเวลา 2 ทุ่มครึ่ง

เรามั่นใจแล้วว่า ยังไงก็ไม่ได้กลับประเทศแล้วหละ
ด่านปิด และ รถเข้าตราดคงหมดไปนานแล้ว
ตกเครื่องที่จองไว้พรุ่งนี้แน่นอน ไม่น่าจองเลย เสียดายตัง
ประเทศไทยอยู่ใกล้แค่นี้เอง แต่กลับเข้าไม่ได้ น่าเสียใจยิ่งนัก
แถมยังต้องกลับมาอยู่เมืองที่ไม่ประทับใจเอาซะเลยอีก

เกลียดอะไร ได้อย่างนั้นสินะ T_T

ครั้งนี้เรามีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 6 คน ที่จะเข้าประเทศไทย
(คู่รักจากเยอรมัน ผู้หญิงเที่ยวคนเดียวจากไอร์แลนด์ และหนุ่มฝรั่งเศษหน้าเมา555)
พวกเขาก็เพิ่งออกมาจากเกาะรงเหมือนกัน
แล้วก็ผิดหวังกับรถเลท และครอบครัวอินเดียลืมกระเป๋า
ทำให้ต้องมาติดแหงกอยู๋ที่นี่ T_T

ด้วยความที่เราสองคน ชินสถานที่ยังกะเป็นคนจังหวัดเกาะกง – -”
เราพาเดอะแก๊งไปหาที่ซุกหัวนอนในคืนนี้ด้วยกัน
แน่นอนว่า ไม่ใช่ที่ APEX ที่เดิมแน่ๆ
และจะไม่เดินผ่านด้วย!

koh kong guesthouse ห้องละ $5
(เราได้จ่าย 150บาท เงินไทย ค่าเงินไม่เหมือนในสีหนุเลย)
ถูกบรรไล แต่บรรยากาศสุดแสนจะชิว เพราะเป็นเกสเฮ้ามีเทอเรส ติดแม่น้ำเลย
ไม่จำเป็นต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่จำเป็นต้องมีรีเซฟชั่น ขอแค่มีเตียงก็พอแล้ว
(ซึ่งก็มีแต่เตียงจริงๆ มีห้องน้ำที่ไม่มีประตู และฝักบัวแตก
เปิดน้ำออกมาเปียกทั้งห้องเลย ยกเว้นตัวเรา555)

พวกเรา 6 คน นั่งกินเบียร์เม้ามอยเรื่องราวทริปของแต่ละคนว่าผ่านอะไรกันมาบ้าง
ถึงวันนี้จะเป็นวันที่ผิดหวัง
แต่มันก็น่ายินดีนะ ที่เราได้มารู้จักกัน
เพราะหลังจากนี้ เราก็ชวนไปเที่ยวกัน ที่ กทม อีกครั้ง 555

เช้าวันที่ 2 มกราคม
เราทั้ง 6 แชร์ค่าตุ๊กๆไปด่านชายแดนหาดเล็ก
ต่อรถตู้จากด่านไปตราด ต่อรถตู้จากตราดไปกทม
และกลับบ้านอย่างปลอดภัย

สวัสดีประเทศไทย คิดถึงจัง

kohrong_117


 

 

 

ถ้าจะให้เราเขียนทริปสุดเขียม 5 วัน 5 ประเทศ ภายใน 5000 บาท เราคงเขียนไม่ได้นะ
จะได้ก็แค่ 5 วัน 5 เพื่อนใหม่ จาก 5 ประเทศ 555
เพราะเรื่องเงินก็ไม่รู้จะคำนวนให้ยังไงดี
ใช้เงินมั่วมาก แลกกับประสบการณ์และความสนุกอะเนอะ
ที่ได้มานอกจากการเห็นได้ทะเลประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือได้เพื่อนเพิ่มนี่แหละ
ความสวยงาม ไม่ใช่จุดหมายปลายทางเลย

เราว่าเส้นทางที่เราเลือกใช้ครั้งนี้
เป็นสิ่งที่เครื่องบินให้ไม่ได้
และถ้ามาคนเดียวก็ทำแบบนี้ไม่ได้
(ถ้ามาธรรมดาๆก็ได้แหละ แต่ต้องไม่ใช่คนแบบเรา555)

เกาะกง   ไม่ได้น่ากลัว ถ้าเราไม่ซ่าเอง เรื่องนี้สมน้ำหน้าได้ค่ะ :(
สีหนุวิวล์  รองรับนักท่องเที่ยวได้ดี มีคนไปคนเดียวเยอะ และมันอาจจะกำลังเป็นพัทยา
เกาะรง     ถ้าจะไปเพื่อดูความสวยงาม เราว่าไปเที่ยวที่ไทยก็ได้ สวยกว่า
แต่การเดินทางของเรา ปลายทางไม่ต้องสวยก็ได้ เราแค่อยากสัมผัสมันมากกว่า

บ๊ายบาย เกาะรง เกาะกง สีหนุวิลล์ แคมโบเดีย
บ๊ายบาย นิวยอร์คและจัสติน
บ๊ายบาย Ukulele guy
บ๊ายบาย เดอะแก๊งตกรถที่ Koh kong guest house เลิฟยูนะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก
บ๊ายบาย รีเซฟชั่น APEX HOTEL และเพื่อน หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก
บ๊ายบาย รองเท้าแตะของเราสองคน
ขอบคุณเม็ดนุ่น สวยทุกเมล็ด ขาดคนนี้ไม่ได้เลย ไม่งั้นไม่รอดกลับมา แถมเป็นโชเฟ่อมอไซด์ให้ตลอดทริป อิอิ
ขอบคุณทุกคน ทุกแรงบันดาลใจ
ที่ทำให้อยากเดินทางไปเรื่อยๆ อยากเขียนไปเรื่อยๆ

“ออ กุน” (ขอบคุณค่าา)

ต้นอ้อ

kohrong_057_Fotor_Collage

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันกลัวตอนไปเที่ยวคนเดียว | high on dreams talk.1