BRISBANE BEACHES PARADISE, AUSTRALIA | เที่ยวบริสเบน ออสเตรเลีย สวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายทะเลจริงๆ

เคยนั่ง search ภาพทะเลดูเล่นๆ  ดูเหมือนทะเลที่ BRISBANE ออสเตรเลีย  จะเป็นสถานที่ที่เราฝันไว้มาก ว่าต้องไปให้ได้ซักครั้ง  ทะเลที่เค้าว่ากันว่าสวยที่สุดในโลกก็อยู่ที่นี่ สัตว์บางชนิด ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ ก็อยู่ที่นี่ และฝรั่งหล่อๆ ที่กำลังโต้คลื่นลูกใหญ่ ก็หาดูได้ที่นี่เช่นกัน  55555555555555555

และวันนี้ฝันมันก็เป็นจริง เราได้รับโทรศัพท์จากการบินไทย  ชวนไปเที่ยวเมืองบริสเบนที่ออสเตรเลีย ตอนนั้นแทบจะกรี๊ดสลบ ตอบตกลงไปแบบไม่ต้องคิด หน้าที่ของเราคือทำไงก็ได้ให้คนอยากไป

ได้การละงานนี้ งานอ่อย งานอวดนี่ถนัดเลยค่ะ ถัดจากย่อหน้านี้  สิ่งที่จะได้เห็นคือ ภาพในฝันเราล้วนๆ ที่เราได้โอกาสไปสัมผัสมันมาจริงๆ มันคือทริปที่ดีที่สุดที่เคยไปมาเลยก็ว่าได้ (เพราะไม่ค่อยได้ออกนอกประเทศไกลๆเลย 555)

THAI AIRWAYS

เราพาตัวเองและกระเป๋าลากใบเล็กๆ มายืนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์สายการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสายการบินเดียวที่บินตรงจากกรุงเทพสู่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย Bangkok – Brisbane

ไฟลท์ของเราคือเที่ยงคืนนี้ เวลาดีมาก  นอนข้ามคืน แล้วว๊าปมาถึงบริสเบนตอน 11 โมงเช้า เป็น 8 ชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่องบิน ที่นอนสบายสุดๆ  เหยียดขา 180 องศา หมอนผ้าห่มหน้านุ่ม อาหารเครื่องดื่มจัดเต็ม กับ TG473 Business Class Boing 787-8 Dreamliner  Business Class ค่ะ คุณพระ! ที่ชอบสุดก็คงจะเป็นออเดิร์ฟแซลมอนปรุงรสนี่แหละ อร่อยจริงๆ

ออสเตรเลียหน้าร้อน (พฤษภาคม)

แต่อากาศนี่ดีมากเลย ประมาณ 20-25 องศาทุกวัน เรียกว่าอุณหภูมิเหมือนฤดูหนาวของประเทศกรุงเทพได้อยู่ ทั้งๆที่นี่ฤดูร้อนของเค้า ในวันแรก กิจกรรมอาจจะไม่มีอะไรมาก ลงเครื่อง ผ่าน ตม. ออกจากสนามบินเรียบร้อย  ก็ไปทานอาหารเที่ยงที่ไชน่าทาวน์

แล้วเดินเล่นในตัวเมืองบริสเบนอีกซักนิด ก่อนจะนั่งรถยาวต่อไปที่ Gold Coast

Gold Coast

จากตัวเมือง Brisbane ไปทางใต้มาถึง Gold Coast  ใช้เวลาขับรถมาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่วันนั้นที่เราไปเป็นวันศุกร์ รถเลยติด กว่าจะมาถึงที่พักก็มืดแล้ว  เราพักที่ Q1 RESORT  อยู่ในย่าน Surfer’s Paradise  เป็นตึกที่สูงที่สุดในออสเตรเลีย และเคยเป็นอาคารสำหรับที่พักอาศัยที่สุดที่สุดในโลก อะไรจะเป็นที่สุดขนาดนั้น…

รายละเอียดโรงแรม Q1 Resort and spa
https://www.q1.com.au/

SKY POINT OBSEVATION DECK

ขึ้นไปดูชั้นบนสุดของ Skypoint Obsavation Dec ดูวิวยามค่ำคืนกันค่ะ บอกได้เลยว่า มันต้องเป็นเมืองที่ไม่หลับไหลแน่ๆ

GOLD COAST NIGHTLIFE

เรามา Dinner กันที่ Hard Rock cafe ต่อค่ะ เดินมาจากโรงแรมนิดเดียวก็ถึง

แถวนี้ค่อนข้างเป็นโซนที่คนพลุกพล่านดีนะ มีร้านอาหาร กาแฟ ไอศกรีม  ช๊อป Roxy / Billabong / RIPCURL ชุดว่ายน้ำ ไอเทมทะเลเพียบ เป็นเมืองเลียบทะเล ย๊าวยาวหลายกิโล แต่ย่าน Surfers paradise เนี่ยคือชิคที่สุดแล้ว

เราชอบไอ้ตู้นี้มากกก รองเท้าแตะหยอดเหรียญ!! เห็นแล้วอยากเอามาตั้งบนเกาะในประเทศไทย เพราะเราไปเกาะทีไร ทำรองเท้าแตะหายตลอดเลย ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 555 ถ้ามีไอ้ตู้นี่น่าจะช่วยได้ประมาณนึง ไอ่พวกถอดรองเท้าทิ้งไว้ จะได้ไม่ต้องไปขโมยรองเท้าคนอื่น แล้วคนที่ถูกขโมยรองเท้าอย่างเราจะได้หารองเท้าใส่ได้ง่ายๆ ไม่เกิดเป็นปัญหาเรื้อรังค่ะ 

เรียนผู้เกี่ยวข้องโปรดพิจารณา 5555

อีกอันที่ตื่นเต้นคือ ได้เห็นวัฒนธรรมการต่อคิวเข้าผับแบบที่เคยเห็นในหนังฝรั่ง คือแถวมันยาวทั้งคืนเลยนะ ผู้หญิง ผู้ชายนี่แต่งตัวเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร เดินบนถนนนี้ ทำไมมันถึงตื่นเต้นไปหมดนะ หัวใจเต้นแร๊งแรง 555

อ๊ะ ลองเข้าซักหน่อยแล้วกัน

ไม่รู้ดิ เวลาเที่ยวเมือง นอกจากเดินดู Sight seeing รอบเมืองแล้ว  เราก็เลือกเข้าบาร์นี่แหละ มันเหมือนได้รุ้ว่าคนทีนี่เป็นยังไง ได้เห็นอะไรที่ต่าง คล้ายๆกับเวลาไปทะเล นอกจากนอนเล่นริมหาดแล้ว ก็ลงไปดำน้ำ จะได้เห็นอะไรๆมากขึ้น  นี่คงเหมือนกันแหละเนาะ 555 (มันเทียบกันได้จริงๆหรอออออ)

…………

Wake up like this!!!

วันที่ 2 แสงแดดยามเช้าแยงตา เพราะเมื่อคืนกลับมาก็สลบเลย ไม่ได้ปิดม่านหน้าต่าง ทำให้ลืมตามาพร้อมกับวิวนี้

สวยจนน้ำตาไหล T_T เลยรีบลุกไปหยิบกล้องมาถ่ายเก็บไว้ ขี้ตายังเต็มตาอยู่เลย ไม่อยากเข้าไปล้างหน้า เดี๋ยวแสงสีทองตอนเช้าจะหายไปซะก่อน ปกติพระอาทิตย์ตอนเช้าไม่เคยปลุกเราได้เลย ยกเว้นครั้งนี้

Breakfast

เช้านี้เรามาทานอาหารที่ Skypoint Observation deck  ชั้น 77 ที่เดิม เพิ่มเติมคือมีแสงแดดส่องเมืองแล้ว

ที่นี่สามารถขึ้นไปได้อีกชั้นนึง แต่จะเป็นในรูปแบบ กิจกรรม adventure นิดนึง คือปีนตึก มันจะมีบันได outdoor ให้คะ่  และต้องคล้องสลิงไว้ตลอดเวลา คงจะหวาดเสียวไม่น้อย เห็นแล้วก็แอบอยากลองนะ

Currumbin Wildlife Sanctuary

เอาหละ วันนี้ทั้งวัน เป็นวันทัวร์ให้ทั่ว Gold Coast เลย Currumbin Wildlife Sanctuary เช้านี้เรามีโปรแกรมไปสวนสัตว์และสถานพยาบาลสัตว์ Currumbin Wildlife Sanctuary  มีทั้งจิงโจ้ หมีโออาล่า วอมแบท นกอีมู แทสมาเนี่ยนอิวิล  คือสัตว์พวกเนี่ย เป็นสัตว์พื้นเมืองของออสเตรเลียเลย ประเทศไทยก็ไม่มีนะ ที่นี่เปิดทุกวัน 8.00-17.00 ค่าเข้า $49

“มาออสเตรเลีย ถ้าไม่เจอจิงโจ้ก็เหมือนกับมาไม่ถึง”

อันนี้เป็นมิสชั่นนึงที่อยู่ในหัวตั้งแต่ก่อนมา ว่าจะต้องเจอให้ได้ แค่ป้ายก็ยังดี 5555 เห็นแค่นี้ก็ตื่นเต้นล๊าววววว

พอเข้าไปเท่านั้นแหละ ดูพวกนางสิ นอนเหมือนหมาขี้เกียจเลย ทำไมน้องอืดดอย่างนั้นหละลูกกกกก

แล้วภาพในจินตนาการว่าน้องจิงโจ้จะโดดโหยงเหยงๆ หายไปไหนหมด แค่ได้เห็นนางลุกขึ้นมาเดินตัวนึงก็ดีใจแล้ว 5555 คิดว่าถ้าจิงโจ้เป็นสัตว์ที่กำเนิดในประเทศไทย เราอาจจะได้เห็นจิงโจ้นอนตากแอร์อยู่หน้าเซเว่นก็ได้ แต่นางก็น่ารักนะ ถือว่ามิสชั่นคอมพลีทได้อยู่ ลูบหัวก็ได้ ป้อนอาหารให้ก็กิน

ความพิเศษของที่นี่อีกอย่าง คือ  เราสามารถอุ้มเจ้าโออาล่าได้แค่ที่รัฐนี้เท่านั้น เพราะโออาล่าเป็นสัตว์คุ้มครอง เริ่มจะหายากขึ้น ที่อื่นจะได้แค่ดูอย่างเดียว ซึ่งการจะอุ้มได้เนี่ย นอกจากจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก $23  ต้องล้างมือให้สะอาด และทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างงั้นโคอาล่าเครียด เล็บมันก็จะจิกคนอุ้ม แล้วอาจเผลอปล่อยหมีตกได้

อันนี้ก็ถือเป็นมิสชั่นเล็กๆ นึงเหมือนกัน โคอาล่าหนีบๆ ที่เวลาใครไปออสเตรเลียก็จะชอบซื้อมาเป็นของฝาก เจ้าหมีโคอาล่าเนี่ย เป็นสัตว์ที่ขี้เซามากๆ มากกว่าจิงโจ้ข้างบนนั่น เค้าบอกว่ามันนอนวันละ 18-20 ชั่วโมงเลยนะ  ตื่นมาก็กิน กินแล้วก็นอนต่อ 555 

เลยแอบถามว่า  งี้ถ้ามันนอน 18-20 ชม ต่อวัน ที่เหลือเอาคือกิน แล้วพวกนางเอาเวลาที่ไหนไปโป๊ะเช๊ะกันหละ พี่ไกด์ก็ตอบโดยพลันว่า  ที่นี่แต่ละกรงเราจะแยกเพศ  เพราะกรงมีพื้นที่จำกัด ถ้ามันอยู่รวมกันมันอาจจะผสมพันธ์กับญาติตัวเอง มีโอกาสทำให้ลูกที่ออกมาผิดปกติได้ เวลาผสมจึงต้องแยกออกมาผสมเทียม สาระล้วนๆ

นอกจากจิ้งโจ้และโออาล่า ก็ยังมีสัตว์อีกมากมาย  ใครจะรู้ว่า Wombat เป็นตัวแบบนี้ เหมือนหนูยักษ์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และมีกระเป๋าหน้าท้องเหมือนจิงโจ้ เจ้าตัวนี้ก็หลับอยู่ในโพรงเหมือนกัน 555

นกอีมูก็น่ารัก ตัวอื่นๆก็มีอีกเยอะ

Elephant Rock

หลังจากเล่นกับจิงโจ้เรียบร้อย เราแวะพักผ่อนที่ Elephant Rock ซึ่งอยุ่แถวๆ Currumbin นี่แหละ ที่จุดนี้ คือจุดชมวิวเมืองที่สวยที่สุดอีกที่นึง ภาพทะเลแปซิฟิกที่มีฉากหลังเป็นเมือง Gold Coast และคนเล่นเซิร์ฟเป็นฉากหน้า

นั่งดูคนเล่น Surf เล่น Paddle Board ไปก็เพลินตาเพลินใจดีนะ คลื่นสูงกำลังดี อากาศกำลังดี ตากแดดก็ไม่ร้อน อยู่ในร่มก็ไม่หนาว ดีไปหมด เริ่มรู้สึกว่ามันน่าอยู่ ดูมีกิจกรรมทำ ทั้งกับครอบครัวหรือกับคุ่รัก อยากมาอีก อยากลงน้ำ 555

Waener Bros Movie World

มาต่อกันที่ Warner Bros Movie World ที่นี่เค้าก็มีสวนสนุกด้วย เล็กๆ แต่ก็โอเคอยู่ เครื่องเล่นเสียวพอประมาณ ทำกรี๊ดแตกได้ ที่ดีคือใช้เวลาต่อแถวไม่นาน ไม่เกิน 30 นาทีก็ได้เล่นละ ไม่ต้องยืนรอจนเปื่อย

Australian Outback Spectacular

Dinner ของพวกเราครั้งนี้ไม่ธรรมดา เป็นการทานอาหารแบบ country ของออสเตรเลีย ไปพร้อมกับดูโชว์สุดอลัง แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูประหว่างโชว์ค่ะ เครื่องดื่มจะมาเสริฟตลอด ใครใคร่ดื่มเบียร์ก็ดื่ม ใครใคร่ดื่มชาก็ดี อาหารเริ่มเสริฟจากซุปฟักทอง เป็น Appitizer  แล้วก็เสริฟสเต็กเนื้อออสเตรเลียแบบ Mediem เนื้อนิ่มๆ สุกนอกแดงในกำลังดี อื้อหือออ เด็ดสะระตี่ค่ะ  ปิดท้ายด้วยของหวาน จบพร้อมกับโชว์พอดี

Australian Outback Spectacular

สิ่งที่เราประทับใจนอกจากผู้ชายขี่ม้าในโชว์คนนั้น ก็คือที่นี่ เค้ามีดีเทลในการออกแบบตกแต่งสถานที่  รวมถึงชุดยูนิฟอมสต๊าฟ และพร๊อพที่แจกให้ มีความเป็นคันทรี มีความคาวบอย ผู้ชมเลยมีอารมณ์ร่วม นี่เราก็ได้หมวกคาวบอยจากที่นี่แหละ  เอากลับไทยไปฝากพ่อ พ่อชอบมาก 555 จริงๆ เราคิดว่าที่นี่น่าชวนพ่อแม่มาดูนะ เค้าน่าสนุกไม่น้อย

จบ one day trip Gold Coast ไปแบบสวยๆ กลับห้องมาดื่มอะไรเย็นๆแล้วก็นอนค่ะ

 Moreton Island (Tangalooma)

วันนี้จะออกจาก Gold Coast แล้ว แต่จะไปติดเกาะแทน เรา Check out ออกจาก Q1 กันแต่เช้าตรู่ เพื่อกลับไปยังเมือง brisbane  แล้วรอต่อเรือไป Moreton Island รอบ 10 โมงเช้า

เกาะ Moreton เป็นเกาะที่มีธรรมชาติสมบูรณ์มาก 95% ของเกาะเป็นอุทยานแห่งชาติ มีเพียง 5% เท่านั้นที่ถูกก่อสร้าง แต่ก็ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งในน้ำและบนบก

การเดินทางมาที่นี่ สามารถขึ้นเรือได้ ที่ Holt Street Wharf ,Brisbane  เป็นเรือคาตามารัน จะออกจากท่า 10 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ  ก็ถึง Tangalooma Island Resort  ซึ่งเป็นรีสอร์ทเดียวบนเกาะ moreton  มองเห็นน้ำสีฟ้าเขียว ตัดกับทรายสีขาวสวยมาก  สำหรับใครที่สนใจ สามารถพักใน Resort หรืออาจจะแบบ Camping หรือจะ Oneday trip ไปเช้าเย็นกลับ ก็ได้เหมือนกัน

เมื่อมาถึงเกาะ  สิ่งแรกที่เราวิ่งเข้าหาคือ เจ้าตัวนี้  เรียกว่า Pilican มันแอบเหมือนนกกระยางนิดๆนะ แต่ปากล่างมันมีกระพุ้งเหนียงออกมา ประหลาดดี เพิ่งเคยเห็นตัวจริงนี่แหละ ปกติเคยเห็นแต่ในการ์ตูน ตื่นเต้นๆ

บริเวณโดยรอบ Tangalooma Island

WELCOME TO MORETON ISLAND

ก่อนขึ้นเรือเราได้สั่ง fish&chip มาทานเป็นอาหารกลางวัน  พอมาถึงก็ได้ทานพอดี กำลังหิวเลย 555

แถมด้วยเซต Seafood เป็นกองกำลังเสริมกระเพาะที่ 2 หอยนางรมที่นี่อร่อยมากค่ะ  คอนเฟิมโดย ต้นอ้อสายหอย เพราะกินไปคนเดียว 5 ตัว  ทำตัวคึกๆเข้าไว้ ยังมีกิจกรรมอีกเยอะรอเราอยู่ 

หลังจากนั้นก็กลับเข้าห้องพัก  มาเตรียมร่างกายให้พร้อมค่ะ เดี๋ยวเราจะไปลุยกัน  เย่ๆ

SEGWAY TOUR

อย่างที่บอกว่า ที่นี่มีกิจกรรมบนเกาะเยอะมาก ถ้าใครชอบกิจกรรม Outdoor จะต้องชอบที่นี่แน่ๆ อยู่เป็นอาทิตย์ก็ยังไม่หมด รับรองไม่มีเบื่อ แต่นี่เราอยู่แค่สองวันเอง ฮือๆ

SEGWAY TOUR เป็นวิธีสำรวจหาดแบบง่ายๆวิธีหนึ่ง เพราะหาดมันก็ยาวเหลือเกิน จะเดินก็ขี้เกียจ เนี่ยยย  นวัตกรรมนี้มันถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองคนขี้เกียจแบบนี้แหละ 555 แรกๆก็กลัวนะ ขับไม่เป็น แต่พอเล่นเป็นเท่านั้นแหละ มันส์เลยย ใช้เวลาปรับบาลานซ์ตัวเอง ไหลไปๆมาๆ ประมาณ 10 นาที ก็เป็นแล้วค่ะ ไม่ยากค่ะไม่อยาก

SEGWAY TOUR
(Intro lesson 25min / $55 per person)

HELICOPER TOUR

นี่คือประสบการณ์ที่ เวิลลลลลล์ มากที่สุดในชีวิต ใครจะรู้ว่าฉันจะได้เป็น ต้นอ้อสกายนิวส์ในวันนี้ 555 เฮลิคอปเตอร์เริ่มพาเราลอยขึ้นไปๆ  ไม่กลัวเลยนะ แต่ตื่นเต้นมาก คือรัวกล้องกระจาย มีกี่กล้องก็เอามาเก็บความทรงจำให้หมด มือขวาถือ Canon มือซ้ายถือ Gopro ส่วนตามองวิวค่ะ 

Helicopter Tour
(6min / $65 per person)

พี่คนขับฮอชี้ไปทางซ้าย บอกว่ามีเต่า แต่เรามองไม่เห็นอ๊ะ  ขับไปซักพัก ก็ชี้พะยูนให้ดู โอ้โห มันกำลังมุดๆอยู่ในน้ำน่ารักมาก อันนี้ถ่ายได้ติ๊ดนึง ดีใจมาก และยังบอกอีกว่า ถ้ามาเดือนถัดไป มีโอกาสเจอปลาวาฬด้วย เพราะเป็นทางที่มันจะว่ายผ่านไปหากระแสน้ำอุ่น  ถ้าธรรมชาติจะทำให้เราใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ ก็อยากจะออกจากเมือง มาใช้ชีวิตในป่าในทะเลอยู่เหมือนกัน

พื้นที่บนเกาะมีส่วนที่เป็นผืนป่า และทะเลทราย ซึ่งเราจะได้เล่นถัดไป ป่าก็ส่วนป่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเลยจริงๆ มีแค่ถนนดินลูกรัง ที่เค้าบอกว่าขับได้เฉพาะ 4W เท่านั้น

บริเวณหนึ่งของทะเล สังเกตเห็นกลุ่มเรืออับปาง หลายลำจมอยู่ในน้ำ อันนี้เค้าบอกว่า ตั้งใจเอามาไว้เป็นแนวกันคลื่น ไม่ใช่เรือจมจริงๆนะจ๊ะ แต่นอกเหนือจากกันคลื่นแล้ว ยังเป็นบ้านของปะการัง และสัตว์น้ำหลายชนิด เหมาะสำหรับมาดำ Snorkel ก็ได้ Scuba ก็ดี

เกาะ Moreton ในมุมสูงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมาก การได้ถ่ายภาพมุม top ของจริง มุม Bird’s eyes View ของจริง ทำเอาซะอยากเกิดเป็นโดรนเล ฟินนน

DESSERT SAFARI TOUR

เราขึ้นรถบัส 4W จากรีสอร์ทเข้าป่าไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะเจอกับทะเลทรายย ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กนะ เพราะมันมีเนินทรายที่สูงมากๆ  และกว้างพอที่จะถ่ายเลน wide แล้วเห็นแต่ทราย

อันนี้ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เราชอบ Sand tobogganing แต่เราเรียกว่า Sand Boarding เป็นการถไลตัวลงมาจากเนินทรายพร้อมแผ่นรอง ด้วยความเร็ว มือหน้าต้องยกบอร์ดขึ้น ถ้าพลาดมานี่ไม่เจ็บหรอก แต่ได้กินทรายเป็นอาหารแน่ๆ 555

SUNSET IN THE ISLAND

วันนี้ได้ดูพระอาทิตย์ตกสมใจ หลังกลับมาจากทัวร์ทะเลทราย

WILD DOLPHINE

ในทุกๆเย็น จะมีกลุ่มปลาโลมาว่ายน้ำมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือ เพราะมันรู้ว่าจะมีอาหาร สำหรับใครที่เข้าพักที่ Tangalooma resort  จะสามารถให้อาหารปลาโลมากับมือได้ด้วย เพิ่งเคยเห็นโลมาใกล้ชิดที่สุดก็คราวนี้แหละ

บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยที่ให้อาหารปลา แต่สำหรับที่นี่เค้าดูแลโดย Tangalooma Island Resort Marine Education  and Conservation Centre Eco Rangers เป็นกลุ่มให้ความรู้และอนุรักษณ์ธรรมชาติ ซึ่งอาหารที่เค้าให้ปลาโลมาเนี้ย เป็นเพียงแค่ 10% ของอาหารทั้งหมดที่โลมาต้องการต่อวันแค่นั้นเอง มันยังคงต้องหากินเองตามธรรมชาติอยู่ และยังมีกฏอยู่ว่า ห้ามแตะ ห้ามจับ ห้ามถ่ายรูปใช้แฟรช ปลามีสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง หากเค้ารุ้สึกว่ามันอันตราย เค้าจะไม่มาอีกเลย โลมาที่เข้ามาในท่าเรือนี้มีประมาณ 20 กว่าตัว แต่ละตัวมีชื่อหมดค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเค้าจำชื่อปลากันได้ยังไงเหมือนกัน 

DINNER AT TANGALOOMA

ถือว่าเป็นวันที่ใช้พลังมากทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องกินให้หายเหนื่อยสะหน่อย แฮร่…
มีเดียมเทอเดอลอย สเต็กเนื้อออสเตรเลียเกรดเอ เสริฟบนแผ่นหินร้อน ฉ่าทุกครั้งที่เฉือน >.< แล้วตบท้ายด้วย ไวน์ขาว ดื่มแล้วก็นอน จะได้นอนหลับสบายยยยย :)

วันสุดท้าย

เรานั่งเรือออกจากเกาะรอบ 8.30 น. เวลา 2 วัน 1 คืน บนเกาะนี้มันไม่พอจริงๆ ยังไม่ทันได้เอาตัวไปจุ่มน้ำเลย ถ้ามาอีกรอบก็อยากลองไปสนอคเกิลที่กลุ่มเรือจมดู ไม่ก็ลอง Scuba Diving เกาะที่ได้เจอสัตว์หลายอย่างขนาดนี้ ใต้น้ำมันต้องสุดแน่ๆ รอก่อนนะ รอก่อน เก็บตังแพร๊พพพพ

โบกมือบ๊ายบายน้องนกค่ะ ทั้งมารับ ทั้งมาส่งเลยเนอะ น่ารักจัง

ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ก่อนจะต้องไปสนามบินตอน 11.30 พวกเราไปเดินเล่นในเมือง Brisbane กันค่ะ 

Rocking Horse Records

เราเดินชิลๆค่ะ เดินได้นิดหน่อย ก็เอาตัวไปจมอยู่ในร้านนี้ Rocking Horse Records เป็นร้านขายซีดีและแผ่นเสียงชื่อดัง ที่อยู่ชั้นใต้ดินของห้างไรซักอย่าง เจอกรุแผ่นอัลบั้มเพลงมือสอง มีแต่อัลบั้มดีๆ  แผ่นละร้อยบาท ซื้อ 4 แถม 1 ดีใจเหมือนเจอกองสมบัติล้ำค่า ดูดวิญญาณไปได้พอสมควร เพราะอยู่นานจนลืมดูเวลา

ระหว่างจ่ายเงิน เราก็ยืนคุยกับคนขายไปเรื่อยๆแหละ ทำความรุ้จัก เค้าบอกก็เพิ่งไปกรุงเทพเมื่อสองเดือนที่แล้วเอง ชอบกรุงเทพนะ มีบาร์ประจำ บลาๆ แล้วก็ขอถ่ายรูปเค้าก่อนออกมา 555

ความฮาอยู่ตรงนี้ ในขณะที่เรากำลังเลือกเพลงทำดีวีโอประกอบทริปนี้อยู่ เห็นหน้าปกวง Last Dinosaurs มีนักร้องหน้าคุ้นๆ  เริ่มเอะใจนิดๆ ละ ตอนที่คุยกันวงนี้มาเล่นที่กรุงเทพ 2 เดือนก่อนพอดี ซึ่งเราเองก็ไปดู แต่ดันเป็นพวกไม่จำหน้าสมาชิกวงไง คือชอบแต่เพลง แล้วก็เข้าไปลองเซิดภาพวงในกูเกิ้ลเลย ก็ยังรู้สึกคล้ายๆอยู่ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ กดเซิดดู Wikipedia อีกที เอ…มันน่าจะใช่แล้วหละ  เพราะวงนี้เกิดที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลียค่า 55555 นี่ก็ไปแอ๊วซุปตาร์โดยไม่รู้เรื่องอะไรเล้ยยยยย

ทำไมทริปนี้มันดีอย่างเน๊ >.<

แต่ความพีคมันก็มาจบตรงที่ว่า เพิ่งเช็คอัลบั้มที่ซื้อมา อัลบั้มนึงไม่มีแผ่นซีดีจ้าาาา T_T น้ำตาตกใน แงๆ

………

AIRPORT

ถึงสนามบินตอนเที่ยงกว่าๆ ก็เข้ามา Check in เค้าท์เตอร์การบินไทย  ขากลับไฟลท์ TG474 รอบบ่าย 2 ค่ะ ต้องกลับบ้านแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วงี้

อาหารบนเครื่อง business class

ทริปนี้ถือเป็นทริปที่เราได้ทำอะไรครั้งแรกเยอะมาก เราคิดว่าอะไรที่เราไม่รู้อะ มันตื่นเต้นเสมอ แต่ถ้าสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะทำเป็นสิบครั้ง จะเห็นเป็นสิบครั้ง เราก็ยังชอบ เหมือนแฟนอะ ถ้าเราชอบจริงๆ เห็นหน้าทุกวัน  กินข้าวด้วยกันทุกวัน ยังไงก็ไม่มีเบื่อหรอก ตอนนี้อยากเป็นแฟนเธอจัง ออสเตรเลีย

ฮ่าๆๆๆไปละนะ ออสเตรเลีย ถ้ามีโอกาสก็อยากมาอีก ยังมีอีกหลายซอกมุมที่เรายังไม่ได้ทักทายเลย

และนี่ก็เป็นทริปตกหลุมรักบริสเบนในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่า
ต้นอ้อ

Special Thanks
Thai Airways
Tangalooma Resort Island
Currumbin Wildlife Sanctuary

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
คิดแล้วไปให้ถึง “ระยอง” กิน เที่ยว ให้หายคิดถึง | Rayong, Thailand